ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

2025-07-17 | BTC , ความเคลื่อนไหวของตลาด , บิตคอยน์ , ร่างกฎหมายคริปโต , สภาพคล่องทั่วโลก , เจาะลึกตลาดรายสัปดาห์

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ? 

ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน 

สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ 

และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา 

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่? 

ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว 

สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ 

บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน แต่มันเกี่ยวกับสิ่งที่ความชัดเจนด้านกฎเกณฑ์ทำได้: การลบค่าความกลัวออกไป 

หลายปีที่ผ่านมา กองทุนขนาดใหญ่ชอบแนวคิดของบิตคอยน์: จำนวนที่จำกัด เรื่องทองคำดิจิทัล ป้องกันเงินเฟ้อ เครือข่ายชำระเงินระดับโลก แต่พวกเขาไม่ชอบความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย ถ้าทีมคอมพลายในองค์กรบอกไม่ได้ว่า SEC จะเข้ามาเล่นงานในวันรุ่งขึ้นหรือเปล่า มันก็ยากที่จะอธิบายกับลูกค้าว่าทำไมถึงควรลงทุนจำนวนมาก 

กฎหมายที่ชัดเจนหมายถึงผู้เล่นรายใหญ่จะสามารถเข้ามาได้เต็มตัว กองทุนบำนาญ บริษัทประกัน กองทุนความมั่งคั่งจากรัฐ กลุ่มเงินขนาดใหญ่ที่เคยเดินเลี่ยงๆ คริปโตมาตลอด พวกเขาอยากมั่นใจว่า ถ้าซื้อบิตคอยน์ไปแล้ว จะไม่ต้องตื่นมาเจอข่าวว่าผู้ดูแลสินทรัพย์ของตัวเองโดนฟ้อง หรือ ETF ถูกแช่แข็ง 

นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมการวิ่งของบิตคอยน์ตอนนี้ไม่ใช่แค่ FOMO ของรายย่อย มันคือสัญญาณจากฝั่งสหรัฐฯ ว่าคริปโตอาจกำลังจะได้ความชัดเจนทางกฎหมายที่หายไปนาน 

ตอนนี้มาถึงแรงผลักดันที่สองที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนัก: สภาพคล่องทั่วโลก 

การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของบิตคอยน์มักจะสอดคล้องกับแนวโน้มสภาพคล่องแบบง่ายๆ เมื่อธนาคารกลางอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ หรือปริมาณเงิน M2 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น สินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ก็มักจะพุ่งขึ้น มันไม่ใช่เวทมนตร์อะไรเลย แค่สภาพคล่องที่มากขึ้นหมายถึงเชื้อเพลิงที่มากขึ้นสำหรับทุกอย่าง ตั้งแต่หุ้น ทองคำ ไปจนถึงคริปโต 

กราฟ M2 ทำตัวเหมือนตัวชี้นำล่วงหน้า 12 สัปดาห์ของบิตคอยน์ ทุกครั้งที่ M2 ขยับขึ้น บิตคอยน์ก็มักจะตามมา ตอนนี้มันชี้ไปที่แนวโน้มที่อาจแตะระดับอย่างน้อย 150,000 ดอลลาร์ ซึ่งเทรดเดอร์ก็กำลังจับตาดูอย่างใกล้ชิด และนั่นยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับการพุ่งขึ้นของตลาดในตอนนี้ 

ดังนั้นในขณะที่พาดหัวข่าวยังเน้นที่กฎหมายคริปโตของสหรัฐฯ เงินฉลาดในตลาดก็หันมาสนใจฉากหลังของสภาพคล่องด้วย ซึ่งการผสมกันของสองแรงนี้แหละที่เป็นตัวขับเคลื่อนการทะยานของ BTC อย่างแท้จริง 

แน่นอนว่ายังมีปัจจัยทางเทคนิคเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย บิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้านสำคัญแถวๆ 112,000 ดอลลาร์ได้พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่แข็งแรง นั่นทำให้เทรดเดอร์สายโมเมนตัมและอัลกอริทึมเทรดตามกระแสกันเข้ามา 

พอรวมกับการล้างโพสิชันชอร์ต ก็ไม่ยากเลยที่จะเห็นว่าทำไม BTC ถึงทะยานผ่าน 123,000 ดอลลาร์ได้แบบแทบไม่สะดุด 

นี่แหละคือความคลาสสิกของตลาดคริปโต เมื่อความหวังเรื่องกฎเกณฑ์มาชนกับการเบรกกราฟ มันก็กลายเป็นสูตรผสมที่ทรงพลัง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงได้เห็นแท่งเทียนระเบิดแรงขนาดนี้ในตอนนี้ 

เพื่อยืนยันว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการพุ่งขึ้นรอบใหญ่ บิตคอยน์อาจย่อตัวลงมาทดสอบโซนเบรกเอาท์แถวๆ 112,000 ดอลลาร์อีกครั้ง และถ้าระดับนี้ยังอยู่ ก็อาจเป็นตัวจุดประกายให้ราคาขึ้นต่อได้อีก 

นักเทรดจำนวนไม่น้อยสงสัยว่าแบบนี้แปลว่า alt-season กำลังกลับมาแล้วหรือเปล่า คำตอบคือ มันซับซ้อนกว่านั้น 

ที่บิตคอยน์พุ่งขึ้นก็ส่วนหนึ่งเพราะมันดูเป็นตัวเลือกที่ “สะอาด” ที่สุดภายใต้ร่างกฎหมายคริปโตของสหรัฐฯ ตอนนี้ ในสายตาของสหรัฐฯ บิตคอยน์แทบจะถูกมองว่าเป็นสินค้าคอมมอดิตี้แบบชัดเจน แต่ altcoins โดยเฉพาะเหรียญเล็กๆ ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม ถ้าสภาคองเกรสสามารถวางกรอบกติกาที่ชัดเจนสำหรับตลาดรองได้ นั่นอาจเปิดทางให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ใน Ethereum และเหรียญเล็กๆ อีกหลายตัว 

พูดง่ายๆ ก็คือ บิตคอยน์อาจเป็นผู้ได้ประโยชน์หลักจากการเปลี่ยนแปลงนี้ก่อน แต่ในระยะยาว ถ้ากฎเกณฑ์ชัดเจนเมื่อไหร่ ก็อาจเปิดทางให้ altcoins อีกหลายตัวได้มีพื้นที่วิ่งขึ้นตามมาเหมือนกัน 

มันไม่บ่อยนักที่แรงขับเคลื่อนใหญ่สองอย่างจะมาพร้อมกันแบบนี้: 

  • ความคืบหน้าด้านกฎระเบียบ ที่อาจกระตุ้นให้สถาบันใหญ่เข้ามาลงทุน 
  • สภาพคล่องทั่วโลกที่กำลังไหลเข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาเคยเป็นเพื่อนคู่ใจของบิตคอยน์เสมอ 

นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมบิตคอยน์ถึงพุ่งแรง และทำไมรอบนี้อาจจะยังไปต่อได้อีก อย่าละสายตาจากการโหวตในสภาสหรัฐฯ ช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และดูกราฟ M2 ไปพร้อมกัน เพราะสองอย่างนี้รวมกันแล้วกำลังเล่าเรื่องที่นักเทรดคนไหนก็ยากจะเมินเฉยได้ 


การเปิดเผยความเสี่ยง 
หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส CFD และผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ มีความเสี่ยงสูงเนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินพื้นฐาน เนื่องจากความเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ อาจเกิดการขาดทุนมากกว่าการลงทุนเริ่มต้นของท่านในระยะเวลาอันสั้น    
โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายกับเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทอย่างถ่องแท้ก่อนทำธุรกรรมกับเรา หากท่านไม่เข้าใจความเสี่ยงดังที่ได้อธิบายไว้ในนี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   
ข้อมูลที่ปรากฏในบล็อกนี้มีไว้เพื่ออ้างอิงทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้เป็นคำแนะนำการลงทุน ข้อเสนอแนะ คำเชิญ หรือการเสนอขายหรือซื้อเครื่องมือทางการเงินใดๆ ทั้งนี้ไม่ได้พิจารณาถึงวัตถุประสงค์การลงทุนหรือสถานการณ์ทางการเงินเฉพาะของผู้รับข้อมูลแต่ละราย ผลการดำเนินงานในอดีตไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime และบริษัทในเครือไม่ให้การรับรองหรือรับประกันใดๆ เกี่ยวกับความถูกต้องหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลนี้ และไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากการใช้ข้อมูลนี้หรือลงทุนตามข้อมูลดังกล่าว  
กลยุทธ์ที่กล่าวถึงข้างต้นสะท้อนถึงความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและมีไว้เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ไม่ควรใช้หรือพิจารณาเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจซื้อขายหรือคำเชิญชวนให้เข้าทำธุรกรรมใดๆ Doo Prime ไม่รับรองความถูกต้องหรือความครบถ้วนของรายงานนี้และปฏิเสธความรับผิดใดๆ ต่อความเสียหายที่เป็นผลมาจากการใช้รายงานนี้ คุณไม่ควรพึ่งพารายงานนี้แต่เพียงอย่างเดียวเพื่อทดแทนการตัดสินใจของคุณเอง ตลาดมีความเสี่ยงเสมอ และการลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง 

วิเคราะห์ตลาดเชิงลึกIconBrandElement

article-thumbnail

2025-07-24 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

หุ้น AI แพงเกินไปแล้วหรือเพิ่งเริ่มต้นกันแน่? 

หุ้น AI กลายเป็นเป้าหมายหลักของตลาดมานานกว่าหนึ่งปี  จากการที่ Nvidia ทำสถิติแตะมูลค่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ ไปจนถึงการประกาศด้าน AI ครั้งใหญ่ของ Tesla ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาด นักลงทุนบน Wall Street ดูเหมือนจะยังไม่อิ่มตัว แม้แต่หุ้นอย่าง AMD และ IBM ที่เคยตามหลัง ก็ยังได้อานิสงส์จากกระแสนี้เช่นกัน  แต่คำถามที่นักลงทุนมือโปรเริ่มถามคือ: นี่คือจุดเริ่มต้นของยุค AI จริงๆ หรือเรากำลังเผชิญฟองสบู่แบบยุคดอทคอมอีกครั้ง?  เมื่อเรื่องราวในตลาดดังเกินไป และราคาขยับขึ้นแบบก้าวกระโดด ก็ถึงเวลาที่ต้องแยกแยะระหว่างความจริงกับกระแส  มาลองเจาะดูทั้งมุมมองฝั่งกระทิง ความกังวลเรื่องฟองสบู่ และสัญญาณที่นักเทรดทุกคนควรจับตาในตอนนี้  กระแสหุ้น AI ไม่ใช่เรื่องหลอก ต้องชัดเจนก่อนว่านี่ไม่ใช่ฟองสบู่แบบมีม AI ไม่ได้เป็นแค่เรื่องเล่าเพื่อปั่นหุ้น เงินก้อนจริงๆ กำลังไหลเข้าสู่ตลาด  บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์กับชิป ศูนย์ข้อมูล และจ้างวิศวกรกันเหมือนย้อนกลับไปปี 1999 แค่ Nvidia เพียงรายเดียวก็ทำรายได้จากศูนย์ข้อมูลกว่า 26,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา โตสามหลักเมื่อเทียบกับปีก่อน  นี่คือความต้องการที่มีอยู่จริง Microsoft กำลังปล่อย […]

article-thumbnail

2025-07-17 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังพุ่งขึ้น และอะไรคือปัจจัยเบื้องหลัง 

บิตคอยน์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง พุ่งทะลุ 123,000 ดอลลาร์ ดึงเหล่านักเทรดให้กลับเข้าสู่โหมดเสี่ยงเต็มพิกัด แต่คำถามคือ นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งรอบของกระแสเก็งกำไร หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างแล้วจริงๆ?  ถ้ามองลึกลงไป จะเห็นว่ามีพลังขับเคลื่อนสำคัญสองอย่างที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน ซึ่งหลายคนยังไม่ทันเชื่อมโยงจุดเหล่านี้เข้าด้วยกัน  สิ่งแรกกำลังคลี่คลายอยู่ในวอชิงตัน ขณะที่อีกกระแสหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ในระบบการเงินโลก โดยส่งสัญญาณล่วงหน้าแบบเดียวกับที่เคยหนุนให้บิตคอยน์พุ่งแรงมาแล้วหลายรอบ  และเมื่อรวมทั้งสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ก็ไม่ยากที่จะเข้าใจว่าทำไมบิตคอยน์ถึงกำลังไต่ระดับขึ้น และทำไมรอบนี้อาจไม่ใช่แค่การพุ่งขึ้นชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา  กฎหมายคริปโตฉบับใหม่เปลี่ยนเกมทั้งกระดาน  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนบิตคอยน์ต้องเผชิญกับคำถามคาใจหนึ่งที่ยังไร้คำตอบจากฝั่งอเมริกา: สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับคริปโตแค่ไหนกันแน่?  ตั้งแต่กรณีที่ SEC ไล่จัดการกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนต่างๆ ไปจนถึงการถกเถียงว่า ETH หรือ stablecoin ควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ และการขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนโดยสิ้นเชิง ทำให้เงินทุนจากสถาบันส่วนใหญ่มักเลือกอยู่เฉยๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไปแล้ว  สภาผู้แทนราษฎรกำลังผลักดันกฎหมายคริปโตชุดใหญ่หลายฉบับ โดยเฉพาะร่างกฎหมาย Financial Innovation and Technology for the 21st Century Act ที่ถูกออกแบบมาเพื่อระบุให้ชัดเจนว่าใครมีหน้าที่ดูแลอะไร มอบอำนาจกำกับดูแลบิตคอยน์และคริปโตประเภทอื่นให้กับ CFTC มากขึ้น พร้อมทั้งวางกรอบการขอใบอนุญาตระดับชาติให้กับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนและ stablecoin อย่างเป็นทางการ  ทำไมบิตคอยน์ถึงชอบร่างกฎหมายคริปโต  บิตคอยน์ไม่ได้พุ่งขึ้นเพราะมีร่างกฎหมายบางฉบับที่อาจจะผ่าน […]

article-thumbnail

2025-07-14 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

พรรคอเมริกาของ Musk ส่งสัญญาณบวกหรือลบต่อหุ้น TSLA? 

อีลอน มัสก์ กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่เรื่องจรวดหรือหุ่นยนต์แท็กซี่ แต่เป็นการเปิดตัวขบวนการทางการเมืองของเขาเองในชื่อว่า “พรรคอเมริกา”  ในมุมแรกอาจดูเหมือนโปรเจกต์ส่วนตัวแปลกๆ ของมหาเศรษฐีอีกชิ้นหนึ่ง แต่ถ้าสังเกตให้ดี มันอาจกลายเป็นหมากตัวใหม่ที่ส่งผลต่อทิศทางการเมืองและเศรษฐกิจในอนาคต และอาจเป็นแรงหนุนต่อหุ้น Tesla (TSLA) ในแบบที่นักลงทุน Wall Street หลายคนยังมองไม่เห็น  พรรคอเมริกาคืออะไร?  แล้วจริงๆ พรรคอเมริกาคืออะไร? และทำไมมัสก์ถึงสร้างมันขึ้นมา?  พูดง่ายๆ นี่คือคำตอบของอีลอน มัสก์ต่อระบบที่เขามองว่า “ล้มเหลว” พรรคอเมริกาเป็นขบวนการทางการเมืองใหม่ ที่ตั้งใจมาท้าทายระบบการผูกขาดของสองพรรคใหญ่ในสหรัฐฯ มัสก์ระบุว่า พรรคนี้เกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการพูด เปิดพื้นที่ให้การถกเถียงทางการเมืองกว้างขึ้น และอาจมีบทบาทในการกำหนดนโยบายด้านภาษีและกฎระเบียบที่กระทบต่อธุรกิจของเขาโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว โค้ดภาษีที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎระเบียบที่ขัดขวางเทคโนโลยีใหม่ๆ มัสก์ต้องการลุกขึ้นมาท้าทายทั้งหมดนี้ และสร้างระบบที่ให้ “ไอเดียที่ดีที่สุด” ชนะ ไม่ใช่ “คนที่วิ่งล็อบบี้เก่งที่สุด”  แต่มันยังมีอีกชั้นหนึ่ง พรรคอเมริกาดูเหมือนจะเป็นกลยุทธ์ตอบโต้ของมัสก์ต่อภัยคุกคามอย่างข้อเสนอของทรัมป์ในการเก็บภาษีรถยนต์ไฟฟ้าจากยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อโรงงาน Tesla ในเบอร์ลิน การมีพรรคการเมืองของตัวเอง ทำให้มัสก์ไม่ได้แค่ตั้งรับ แต่รุกกลับเต็มที่ ตั้งเป้าสร้างบทสนทนาใหม่ในสังคม และผลักดันนโยบายที่จะทำให้สหรัฐฯ แข่งขันได้ในเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง  พูดให้เข้าใจง่ายๆ: พรรคอเมริกาคือวิธีของมัสก์ในการ […]