เทรด CFD หุ้นสหรัฐโดยไร้ค่าธรรมเนียมได้ที่ Doo Prime

2022-07-27 | แคมเปญ Swap-Free

แคมเปญ Swap-Free การเทรดปลอดค่าธรรมเนียมจาก Doo Prime นั้นเป็นหนึ่งในแคมเปญที่ลูกค้าสนใจมากเพราะช่วยให้นักลงทุนได้เปรียบในการซื้อขายผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ 

โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ เหตุการณ์ต่าง ๆ นั้นกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed สงครามของรัสเซีย-ยูเครน การลาออกของบอริส และการลอบสังหาร ชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ด้วยความผันผวนนี้อาจจะทำให้โอกาสต่าง ๆ ของตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้น 

Doo Prime ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:500 

เลเวอเรจทำให้คุณสามารถจัดการการเงินในบัญชีที่จำกัดในบัญชีซื้อขาย และสามารถทำให้เกิดกำไรจากการซื้อขายได้เพิ่มมากขึ้น  

ที่ Doo Prime เราเสนอเลเวเรจที่ยืดหยุ่นถึง 1:500 ที่ช่วยทำให้ลูกค้าซื้อขายด้วยเงินทุนขั้นต่ำ และเพิ่มผลกำไรได้มากกว่า 

อย่าลืมคว้าโอกาสด้วยการเข้าร่วมแคมเปญพิเศษเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทั้งหมดตอนนี้ เทรด CFD หุ้นสหรัฐได้เลยตอนนี้ 

ทำไม CFD ของหุ้นสหรัฐถึงได้รับความนิยม ? 

1.ข้อมูลที่โปร่งใส 

เทรด CFD ของหุ้นสหรัฐจะทำให้คุณได้รับข้อมูลที่โปร่งใส โดยสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ได้เช่นรายงานไตรมาสของตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงข้อมูลสำคัญอื่น ๆ รวมถึงบอกถึงปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงทางตัวเลข และการเงินได้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่? 

2.เทรด CFD ของหุ้นสหรัฐสามารถขายระยะสั้นได้ 

การลงทุนระยะสั้นนั้นเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้ได้กำไรจากการลดลงของข้อมูลหลักทรัพย์ได้ โดยการซื้อขายระยะสั้นนั้น CFD ของสหรัฐนั้นมีเสรีเกี่ยวกับตัวนี้ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น 

3.ผลกระทบต่อการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ 

ตลาดสหรัฐมีการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน การลงทุนของหุ้นสหรัฐจดีกว่า เพราะเมื่อค่าเงินแข็งค่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าพอร์ตของคุณ รวมถึงการเทรด CFD จะช่วยทำให้เรารู้จักผลิตภัณฑ์ที่นิยม และสามารถคาดเดาหุ้นได้ง่าย 

เทรด CFD หุ้นสหรัฐตัวไหนที่กำลังเป็นที่นิยม 

รูปด้านบนเป็นภาพทางการเงิน CFD ของหุ้นสหรัฐที่ซื้อขายมากที่สุดภายใน 3 เดือนล่าสุด ข้อมูลได้รับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2022 จาก Finviz 

ทำไมถึงเลือกเทรด CFD หุ้นสหรัฐเหล่านี้? 

บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ที่สูงนั้นจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น 

จากรูปข้างบนที่เราได้เห็น บริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูง เช่น Microsoft, Apple, Amazon, Google, Tesla, MCD จะทำให้เกิดเสถียรภาพ และแดนบวกมากขึ้น 
 
ตลาดมีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงตามปัจจัยต่าง ๆ 

นักวิเคราะห์บางคนยอมรับว่าตลาดตอบสนองตามสถานการณ์ต่าง ๆ เช่นโควิด และเราสามารถให้ความสนใจกับการเติบโต และหุ้นเทคโนโลยี และเมื่อกรณีต่างๆ ลดลงอย่างมาก นับตั้งแต่ที่โควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก เราจะเห็นได้ว่าตลาดมีเทคโนโลยีที่เข้าข้างบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น Microsoft, Apple, Amazon, Google และ Tesla ที่เป็นผู้นำตลาด 

สภาพอากาศเป็นตัวกำหนดตัวเลือกหุ้นในช่วงนั้น ๆ  

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศสร้างความตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อย ๆ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นจึงกลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง Thomas Martin ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพอร์ตการลงทุนของ Globalt Investments เคยกล่าวไว้ว่าผู้ค้าที่มีประสบการณ์จริงจะทำการพยากรณ์โดยพิจารณาจากสภาพอากาศสุดขั้วทั้งหมด 
 
ยกตัวอย่างคลื่นความร้อนล่าสุดในสหรัฐอเมริกา เมื่อคาดการณ์คลื่นความร้อน การเข้าซื้อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากผู้คนจะใช้จ่ายมากขึ้นกับระบบทำความเย็นภายในบ้าน เช่น เครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออุณหภูมิภายนอกเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน 

มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 

การเทรด CFD ของหุ้นสหรัฐอีกตัวที่น่าลงทุนคือรายการที่จำเป็นตลอดกาล เช่น Coca-Cola การวิจัยพบว่าคลื่นความร้อนทำให้คุณอยากดื่มน้ำอัดลมมากขึ้น และบางคนสามารถรู้สึกอยากกระหายน้ำมากกว่าปกติ ไม่ใช่ดื่มน้ำ แต่ดื่มเครื่องดื่มรสหวาน 

นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงเกือบ 60% ของ Coca-Cola เป็นอีกปัจจัยที่น่าสนใจ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทโดยพิจารณาจากยอดขายและต้นทุนสินค้าที่ขาย 

ในท้ายที่สุด เราควรศึกษาเป้าหมายที่เราลงทุนอยู่เสมอ ทำวิจัยเกี่ยวกับประวัติและภูมิหลังของทีมผู้บริหารของบริษัท อัปเดตข้อมูลของเราอยู่เสมอ และทำการพยากรณ์เนื่องจากตลาดหุ้นนำหน้าอยู่เสมอ 


ร่วมแคมเปญตอนนี้ 

สัมผัสประสบการณ์โปรโมชั่น Swap-Free การเทรดไร้ค่าธรรมเนียม กับหุ้นสหรัฐ ม่ว่าจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ เรายินดีต้อนรับคุณให้ซื้อขายกับเรา 
 
ติดต่อทีมสนับสนุนที่พูดได้หลายภาษาของ Doo Prime ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง 
 

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม  

Email :  [email protected]  

Line Official : https://bit.ly/3vd0zuM  

+44 11 3733 5199(ยุโรป)  

+852 3704 4241(เอเชีย)  

+86 400 8427 539(เอเชีย – ประเทศจีน) 

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง   

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดสร้างการสูญเสียหรือขาดทุนได้ อีกทั้งผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ ก่อนทำธุรกรรมใดๆ กับเรา โปรดอ่านและเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายในเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนหากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ   

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ   

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และสำหรับข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำในการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญในการซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใดๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้รับรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพในอดีตของเครื่องมือทางการเงิน ดัชนี หรือพอร์ตการลงทุนไม่ควรถือเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันเกี่ยวกับข้อมูลที่แสดง และ Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสีย ขาดทุน หรือความเสียหายโดยตรงหรือโดยอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลที่ให้ไว้ Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง กำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่เกิดจากการลงทุนส่วนบุคคล   

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป