สรุปข่าวการเงินและการลงทุนประจำวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565

2022-07-22 | Current Affairs , ข่าวสารการลงทุน

This image has an empty alt attribute; its file name is ข่าวอันใหม่.jpg

— ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทเทสลา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

— เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2565 อยู่ที่ 2.27 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นเทสลาปิดตลาดพุ่งขึ้น 9.78%

— ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐวัย 79 ปี มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก

“ท่านประธานาธิบดีไบเดนมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย โดยท่านได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส รวมทั้งได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ถึง 2 เข็มก่อนหน้านี้” นางแครีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าว

ปธน.ไบเดนได้รับยาแพกซ์โลวิดเพื่อรักษาอาการป่วยจากโรคโควิด-19 และจะเข้าสู่กระบวนการกักตัวที่ทำเนียบขาว แต่ก็จะยังคงปฏิบัติภารกิจในช่วงเวลาดังกล่าว

— ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2543 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวรุนแรงกว่าที่ ECB ส่งสัญญาณในเดือนมิ.ย.ว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในเดือนก.ค.

— ธนาคารกลางเดนมาร์กประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ -0.1% เมื่อคืนนี้ สอดคล้องกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง

“การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ECB” แถลงการณ์ของธนาคารกลางเดนมาร์กระบุ

— กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 186,246 ราย โดยทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 7

การแพร่ระบาดดังกล่าวส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของญี่ปุ่นมากกว่า 10.6 ล้านราย

— กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามออกแถลงการณ์แสดงความไม่พอใจต่อการที่สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำเวียดนามในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ (Trafficking in Persons Report) ประจำปี 2022 โดยสหรัฐได้ปรับลดอันดับของเวียดนามสู่ระดับ “เทียร์ 3” (Tier 3) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามระบุว่า รายงานดังกล่าวมีข้อมูลเกี่ยวกับเวียดนามที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเวียดนามหวังว่าสหรัฐจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับเวียดนามเพื่อให้มีการประเมินสถานการณ์อย่างถูกต้อง รวมทั้งให้เห็นถึงความพยายามของเวียดนามในการจัดการกับการค้ามนุษย์

— สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 แมกนิจูดห่างจากเมืองเชียงตุงในรัฐฉานของเมียนมาไปทางใต้ราว 53 กิโลเมตร

เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.07 น.ของวันที่ 22 ก.ค.ตามเวลาไทย

จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร ขณะที่มีพิกัดอยู่ที่ 21.1499 ละติจูดองศาเหนือ และ 99.8632 ลองจิจูดองศาตะวันออก

— กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 251,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่า 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

— สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญวันนี้ เอสแอนด์พี โกลบอล จะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต/บริการขั้นต้นเดือนก.ค. ของอังกฤษ เวลา 15.30 น. ตามเวลาไทย ต่อด้วยของฝรั่งเศส เวลา 14.15 น. ของเยอรมนี เวลา 14.30 น. ของยูโรโซน เวลา 15.00 น. ต่อด้วยของสหรัฐ เวลา 20.45 น.

— นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดในสัปดาห์หน้า โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 30.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 69.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผย GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐในสัปดาห์หน้าเช่นกัน ขณะที่เฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดซึ่งแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ในไตรมาส 2 จากเดิมที่คาดการณ์ในวันที่ 15 ก.ค.ว่ามีแนวโน้มหดตัว 1.5%

อ้างอิง อินโฟเควสท์

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป