ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และผลกระทบ แนวโน้มจะเป็นอย่างไร?

2022-07-01 | บทความการเงิน , บทความวิเคราะห์ตลาด , บทความวิเคราะหฺ์ตลาด

การจ้างงานนอกภาคการเกษตรคืออะไร? 

นักลงทุน และนักเทรดหลายคนนั้นจะมองหาตัวชีนำทางเศรษฐกิจที่สร้างความผันผวนของตลาดการเงิน (Financial Market) โดยตัวชี้วัดมีโอกาสที่จะทำให้นักลงทุน และนักเทรดหลายคนนั้นใช้โอกาสในการวิเคราะห์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ 

โดยการการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) นั้นครอบคลุมการเปลี่ยนแปลงของการจ้างงานรายเดือน โดยจะมีการวิเคราะห์อย่างใกล้ชิด และมีแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยตรง 

การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เป็นดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจตัวหนึ่งที่สำคัญของสหรัฐฯ ที่ประกาศทุกๆ วันศุกร์แรกของแต่ละเดือน ซึ่งการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเช่นเดียวกันกับอัตราเงินเฟ้อ หรือ GDP  

การวิเคราะห์ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร 

มาดูวิธีวิเคราะหดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร 

  1. ข้อมูลในแดนบวกของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะหมายถึงจำนวนงานที่มากขึ้น และเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นทำให้ผู้บริโภคมีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้ทำให้นักลงทุน และนักเทรดคู่สกุลเงิน Forex สามารถคาดการณ์ได้ว่าหากจำนวนงานที่เพิ่มขึ้นอย่าง 100,000 ตำแหน่งต่อเดือนก็จะช่วยกระตุ้นการขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในเวลาเดียวกัน 
  1. ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นสามารถบ่งชี้ และทำให้นักเทรดสามารถรับทิศทางในการลงทุนได้ หากอัตราการว่างงานลดลงค่าเงินดอลลาร์ก็จะแข็งขึ้นส่งผลเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่หากอัตราการวางงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราการจ้างงานน้อยลงเหล่านักเทรดก็สามารถเลือกที่จะลงทุนค่าเงินสกุลอื่นแทนเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงนั้น 
  1. ข้อมูลของเงินเดือนที่ลดลงนั้นส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อัตราการว่างงานที่มากขึ้น และการจ้างงานที่ลดลงนั้นเป็นสัญญาณลบสำหรับเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ จากการรายงานของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรแสดงให้เห็นว่าหากช่วงไหนมีการจ้างงานลดลงต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่งจะแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อยู่ในช่วงแดนลบดังนั้นในช่วงนนั้นนักเทรดควรจะลงทุนสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอลลาร์สหรัฐฯ 

ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรส่งผลกระทบต่อนักลงทุนและตลาดอย่างไร 

จากข้อมูลข้างตนเราจะเห็นได้ว่าดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นสามารถชี้เห็นแนวโน้มตลาดของคู่สกุลเงิน Forex และนำไปสู่ผลกระทบต่อการซื้อขาย Forex โดยรวม 

โดยข้อมูลของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นเชื่อมโยง และใกล้ชิดกับเศรษฐกิจโดยเมื่ออัตราจ้างงานมากขึ้น เศรษฐกิจก็มีอัตราที่เติบโตมากขึ่้น และผู้บริโภคก็มีกำลังในการใช้จ่ายมากขึ้น 

มากไปกว่านั้นข้อมูลของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรยังเชื่อมโยง และกระทบต่อคู่สกุลเงินหลักทั้งหมดรวมถึง EUR/USD, USD/JYP, GBP/USD, AUD/USD, USD/CHF เป็นต้น 

เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น การลงทุนกับทองคำจึงปลอดภัยเนื่องจากมูลค่าของทองคำ และเงินดอลลาร์มีความสัมพันธ์แบบผกผัน ในช่วงที่ค่าเงินดอลลาร์นั้นไม่ดีเท่าที่ควรเหล่านักเทรดก็สามารถเปลี่ยนมาลงทุนกับทองคำได้ในช่วงเวลานั้น 

ในขณะเดียวกันดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเชิงบวกก็สามารถสนับสนุนราคาทองคำได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราจึงสามารถคาดการณ์ราคาทองคำได้ตามข้อมูลของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร 

ผลกระทบของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรต่อแนวโน้มตลาด 

นักวิเคราะห์ นักเทรด และนักลงทุน สามารถศึกษาผลลัพธ์ของ ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร แสดงให้เห็นว่าเกิดอัตราที่ผกผันมาก 

จากการเปิดเผยข้อมูลของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2565 (วันที่ 6 พฤษภาคม 2565) แนวโน้มโดยรวมของ GBP/USD นั้นอยู่ในแดนลบ 

โดยทิศทางและแนวโน้มของ GBP นั้นตอนแรกยังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ในแนวโน้มแดนลบ แต่หลังจากการประกาศข้อมูลของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤษภาคม GBP ก็อยู่ในแดนลบ และค่าเงินก็อ่อนตัวลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤษภาคมนั้นมีผลต่อแนวโน้มในตลาดอย่างชัดเจน 

ในวันท่ี 6 พฤษภาคมที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ทองคำก็มีแนวโน้มที่จะอยู่ในแดนลบ และอ่อนแอลงรวมถึงอัตราดอกเบี้ยของ Fed ก็สูงขึ้นแสดงให้เห็นผลกระทบด้านลบของการพัฒนาเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าเงินแข็งขึ้น และความต้องการทองคำก็ลดลง 

และในวันที่ 1 เมษายน 2565 ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นมีจำนวนที่สูงขึ้นกว่าเดือนมีนาคม แต่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการเติบโตอยู่ในแดนบวก และส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ 

แนวโน้มในอนาคต 

ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2565 นั้นเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งถึงแม้ว่าจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ยังเป็นการเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2564 โดยในเดือนหน้าไปมีการปรับจาก 325,000 ตำแหน่งให้มาก 436,000 ตำแหน่ง 

ด้วยเหตุผลนี้ดัชนีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) นั้นได้ขยับขึ้นใกล้ในระดับ 29 จุด โดยมูลค่าที่คาดการณ์สำหรับรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนมิถุนายน 2565 อยู่ที่ 310,000 โดยปรับมูลค่าเดิมเป็น 436,000 ตำแหน่ง  

การแจ้งข้อมูลดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรนั้นสามารถเป็นตัวชี้วัดในนักเทรดสามารถวิเคราะหืและเก็งกำไรจากทิศทางของข้อมูล รายงานของดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้นักเทรดสามารถตัดสินใจการซื้อขายได้ 

ถึงแม้ว่าจะมีตัวชี้วัดมากมาย แต่ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร อัตราการว่างงานนั้นเป็นองค์ประกอบหลักที่นักเทรดทุกคนควรศึกษาไว้ 

สามารถอ่านรายงานดัชนีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และการอัพเดตบน DooPrimeNews.com เพื่อสามารถวางแผนการลงทุนของคุณได้ 
 

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง  
การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดเดาไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดสร้างการสูญเสียหรือขาดทุนได้ อีกทั้งผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ ก่อนทำธุรกรรมใดๆ กับเรา โปรดอ่านและเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายในเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนหากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ  

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ  
ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และสำหรับข้อมูลทั่วไปเท่านั้น และไม่ควรตีความว่าเป็นคำแนะนำในการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญในการซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใดๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้รับรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพในอดีตของเครื่องมือทางการเงิน ดัชนี หรือพอร์ตการลงทุนไม่ควรถือเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลการดำเนินงานในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันเกี่ยวกับข้อมูลที่แสดง และ Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสีย ขาดทุน หรือความเสียหายโดยตรงหรือโดยอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลที่ให้ไว้ Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยง กำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายโดยตรงหรือโดยอ้อม ที่เกิดจากการลงทุนส่วนบุคคล  

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป