หุ้น AI จะช่วยจีนฟื้นตัวจากตลาดขาลงหรือไม่

2023-06-15 | AI , หุ้นจีน , หุ้นสหรัฐ , หุ้นเทคโนโลยี

ตั้งแต่ต้นปี 2023 หุ้น AI ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นกว่า 30% ผลักดันดัชนี NASDAQ สู่ระดับสูงสุดใหม่ประจำปีนี้ ปิดฉากตลาดขาลงในปี 2022 แต่เมื่อพิจารณาดัชนี HSTECH ซึ่งใช้ติดตามหุ้นเทคของจีน กลับกลายเป็นว่าหุ้นไปในทิศทางตรงข้ามกับสหรัฐฯ  

สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนสับสนและสงสัยว่าความคลั่ง AI ของจีนหายไปไหน 

สหรัฐฯ ชนะสงคราม AI นี้แล้วหรือ? หรือคนจีนมีไพ่ที่ซ่อนไว้อยู่ 

ในบทความนี้ เราจะสำรวจและวิเคราะห์กราฟต่างๆ รวมถึงพิจารณาข้อมูลเชิงลึก ซึ่งจะทำให้วิเคราะห์สถานการณ์ได้อย่างชัดเจนและช่วยให้เรามองการแข่งขัน AI ของสหรัฐฯ และจีนได้อย่างถูกทาง นอกจากนี้ เราจะพิจารณาถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ข้อมูลความเชื่อมั่นของตลาดและสาธารณะ และข่าวล่าสุดเกี่ยวกับนโยบายการเงินซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาด และสุดท้าย เราจะวิเคราะห์หุ้น AI ของจีนที่สำคัญในปัจจุบันที่นักลงทุนต้องจับตาดู 

ความแตกต่างปัจจุบันของ NASDAQ และ HSTECH 

เหตุผลสำคัญที่น่าสนใจของกราฟด้านบน

  1. ดัชนีทั้งสองเคลื่อนไหวแบบ Divergence หรือ แบบตรงกันข้าม
  2. Divergence หรือ การเคลื่อนไหวแบบตรงกันข้าม ได้ทำให้แนวโน้มของตลาดขยับรุนแรงขึ้น อาจหมายถึงมีความต้องการหุ้น AI ของจีนเป็นจำนวนมาก หรือหุ้นสหรัฐมีการประเมินมูลค่าสูง
  3. ราคาดัชนีอันใดอันหนึ่งอาจจะไม่ยึดกับความเป็นจริง

สิ่งนี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่าการกลับตัวอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้ หากเกิดการกลับตัวขึ้น อาจนำไปสู่การขยับตัวขึ้นของราคาอย่างมากสำหรับหุ้น AI ของจีน หรือการขาดทุนจำนวนมากใน NASDAQ 

แต่คำถามสุดท้ายยังคงอยู่ คือ ตลาดใด “ผิด”? 

ดัชนี NASDAQ จะสามารถขึ้นไปต่อหรือไม่? หรือดัชนี HSTECH ถูกประเมินค่าต่ำเกินไปหรือไม่? 

เพื่อตอบคำถามเหล่านี้ เราต้องวิเคราะห์ข้อมูลด้านล่างเพื่อให้มีความเข้าใจที่ดีขึ้น 

การแข่งขัน AI ของสหรัฐฯ-จีนยังไม่จบลงง่ายๆ … 

ตั้งแต่ปี 2020 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน เช่น Alibaba, Baidu, และ Tencent เป็นผู้นำของการปฏิวัติ AI นี้ พวกเขาได้ลงทุนใน AI จำลองภาษาขนาดใหญ่มากกว่า 79 แบบ และลงทุนทรัพยากรกับเทคโนโลยีรวมถึงนวัตกรรมที่ล้ำสมัย

จีนกำลังลงทุนจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนา และกำลังสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้เราคาดว่าช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และจีนจะแคบลงเรื่อยๆ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 

Alibaba เพิ่งเริ่มเปิดตัวเทคโนโลยีแบบ ChatGPT ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกับคู่แข่งอย่างมาก และปรับปรุงให้ดีกว่าในบางแง่มุม 

Ernie จาก Baidu เป็นคู่แข่งอีกบริษัทของ ChatGPT เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ลงทุน 145 ล้านเหรียญสหรัฐในการวิจัยและพัฒนา AI การลงทุนครั้งนี้เป็นสัญญาณว่า Baidu จริงจังกับการแข่งขันในการแข่งขัน AI ด้วยศักยภาพที่สามารถก้าวหน้าไปข้างหน้า ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 

นอกจากนี้ Tencent ยังลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐใน MiniMax สตาร์ทอัพสัญชาติจีน โดยทำงานเกี่ยวกับโซลูชัน AI คล้ายกับ ChatGPT ที่ Microsoft เป็นเจ้าของ 

พวกเขาทั้งหมดกำลังทำงานเพื่อเป้าหมายร่วมกัน นี่คือการเป็นผู้ริเริ่ม AI ของบริษัทที่ดีที่สุดในตลาด 

Ernie VS ChatGPT 

คำถามไม่ได้เกี่ยวกับโมเดลภาษา AI ใดดีกว่ากัน คำถามที่แท้จริงที่นักลงทุนต้องถามคือ Ernie หรือโมเดลภาษา AI ภาษาจีนอื่นๆ สามารถแข่งขันกับ ChatGPT ได้หรือไม่ 

ตารางต่อไปนี้สรุปความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองรุ่น

โมเดลภาษาทั้งสองนี้ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพัฒนา แต่ละรุ่นมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เป็นการยากที่จะบอกว่าอันไหนดีกว่ากัน แต่จะสามารถแข่งขันกันได้หรือไม่? แน่นอนว่าคำตอบคือใช่! 

เมื่อรวมข้อเท็จจริงทั้งหมดเหล่านี้เข้าด้วยกัน เราสามารถสรุปได้ว่าอุตสาหกรรม AI ของจีนมีศักยภาพในการแข่งขันกับอุตสาหกรรม AI ที่ผลิตในสหรัฐฯ ทำให้ชัดเจนว่าการแข่งขัน AI ของสหรัฐฯ-จีนเพิ่งเริ่มต้นขึ้น…

Divergences… Divergences เต็มไปหมด! 

ที่มา: Haver.com

  • ตั้งแต่ต้นปี 2023 เกิดความแตกต่างของราคาระหว่าง MSCI China Index และ China Real GDP Growth 
  • ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าความแตกต่างของราคาเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป พวกมันจะมาบรรจบกันในที่สุด4

แม้ตลาดหุ้นจะร่วง แต่เศรษฐกิจจีนก็มีสัญญาณฟื้นตัว กราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่า เราจะเห็นว่าการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการกลับตัวขึ้น โดยมีการคาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 8.1% ในไตรมาสที่สองของปี 2023 

นอกจากนี้ Goldman Sachs ยังคิดแบบเดียวกันกับการคาดการณ์นี้ โดยเพิ่มการประมาณการเป็น 6% หากตัวเลขทางเศรษฐกิจเหล่านี้เกิดขึ้นจริงและ GDP อยู่ระดับที่สูงขึ้น ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนในตลาดจีนได้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ จึงอาจส่งผลให้ดัชนี MSCI China Index ฟื้นตัวขึ้นและตามทันการเติบโตของ GDP 

ตามกระแสของเงิน 

  • นักลงทุนชาวจีนเริ่มกลับเข้าสู่ตลาด เห็นได้จากการไหลของเงินที่เข้ามารายวันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง 
  • ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นการไหลเข้าในระดับนี้คือในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 

เพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังการไหลเข้าอย่างกะทันหันนี้ เราจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมและค้นหาว่าอะไรคือปัจจัยกระตุ้นที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้  

ในช่วงเวลาเดียวกันของการไหลเข้านี้ รายงานนี้ได้ถูกเริ่มเผยแพร่อย่างกว้างขวาง โดยบ่งชี้ว่าการคาดการณ์โอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนมีมากขึ้น และนักเศรษฐศาสตร์บางคนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่สำคัญเป็นครั้งที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งอยู่ภายในสัปดาห์หน้า การผ่อนคลายนโยบายใด ๆ จะเป็นสัญญาณว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่มีศักยภาพในไตรมาสที่ 3 

รู้สึกเหมือนว่าตลาดหุ้นจีนต้องการแรงกระตุ้นเพื่อที่จะขยับราคาขึ้นตาม หากเป็นจริง แสดงว่า HSTECH มีอะไรต้องทำอีกมาก 

นอกจากนี้ เมื่อช่องว่างระหว่างแนวโน้มสองด้านนี้มีความผันผวนมากขึ้น หุ้นมูลค่าต่ำย่อมมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนที่มองคุณค่าในระยะยาว ตามรายงานของ Bloomberg เมื่อเร็ว ๆ นี้ JPMorgan ได้เพิ่มหุ้นจีนเพิ่มเติมในพอร์ตโดยกล่าวว่า ‘หุ้นราคาถูกเกินกว่าจะปล่อยไว้เฉยๆ’ 

หากวาณิชธนกิจรายอื่นทำตามคำแนะนำของ JPMorgan ก็มีแนวโน้มว่าตลาด AI ของจีนจะเติบโตต่อไป

ความรู้สึกของสาธารณะต่อปัญญาประดิษฐ์  

การสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้โดย Ipsos กับ 19,504 คนจาก 28 ประเทศ โดยมีคำถามต่อไปนี้ 

“สินค้าและบริการที่ใช้ AI มีประโยชน์มากกว่าข้อเสียหรือไม่” 

จีนเป็นประเทศที่มองโลกในแง่ดีมาก โดยเกือบ 80% ของผู้คนมองว่า AI มีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย 
สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับท้ายสุดอย่างน่าประหลาดใจ โดยมีเพียง 40% ของผู้คนที่มองว่า AI เป็นพลังเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ 

Source: visualcapitalist.com 

ประชาชนจีนดูพร้อมที่จะยอมรับการนำ AI เข้ามาใช้ในชีวิตของพวกเขาและมองโลกในแง่ดีมากกว่าในสหรัฐฯ 

ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐยังคงสูง 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด นักลงทุนต้องจำไว้ว่าอย่าตื่นเต้นมากเกินไปกับความเคลื่อนไหวใดๆ ที่ตลาดเป็นอยู่ตอนนี้ เราต้องจำไว้ว่าแม้ความนิยมของ AI จะเพิ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดภาวะถดถอยที่ลึกขึ้นอีกในอนาคต 

ความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้นสูงมาก! 

  • โอกาสความน่าจะเป็นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งล่าสุดยังคงอยู่ใกล้ 99% ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ใกล้จะเกิดขึ้นภายใน 12 เดือนข้างหน้า 
  • สองครั้งล่าสุดที่ตัวบ่งชี้นี้ถูกยกระดับขึ้นคือในช่วงเศรษฐกิจถดถอยของโควิด-19 ในปี 2020 และในช่วงวิกฤตการเงินโลกปี 2008 

ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักลงทุนจึงต้องมีจุดมุ่งหมายตลอดเวลาและหลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์กับการลงทุนของตน เพื่อที่จะได้มีความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมของตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูงนี้ 

ดังคำกล่าวที่ว่า อย่าอินกับการเทรด/การลงทุนของคุณ มากเกินไป 

จีนจะกลับมาเป็นคู่แข่งในด้าน AI นี้ได้หรือไม่? 

ในขณะที่สหรัฐฯ ดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่ในขณะนี้ แต่ในทางกลับกัน จีนกลับมีความสามารถมากกว่าที่จะกลับมาและแข่งขันในการแข่งขันด้าน AI 

จากข้อมูลที่กล่าวถึงในบทความนี้ การประเมินมูลค่าหุ้นล่าสุด AI ที่ต่ำไม่ได้สะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริงของอุตสาหกรรม AI ของจีน ข้อมูลจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าหุ้น AI ของจีนในปัจจุบันมีมูลค่าต่ำเกินไป ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องอาศัยทักษะที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง นั่นคือ ความอดทน ก่อนที่จะได้รับผลตอบแทน 

หุ้น AI ที่มีมูลค่าต่ำที่ควรจับตามอง

  • Alibaba (BABA) 
  • Tencent Holdings (TME) 
  • Baidu (BIDU) 
  • JD.com Inc.  (JD) 
  • IFlytek Co. 

| เกี่ยวกับ Doo Prime          

เครื่องมือการซื้อขายของเรา        

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น       

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน       

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก        

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ        

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก        

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ        

โทรศัพท์        
ยุโรป : +44 11 3733 5199          
เอเชีย : +852 3704 4241           
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415          
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539            

อีเมล      
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]          
ฝ่ายขาย [email protected]         

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)           

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)         

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต          

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้         

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้     

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง        

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย        

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย        

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป