คว้าโอกาสหุ้น Growth Stock ในช่วงภาวะถดถอย

2023-05-25 | ตลาดหุ้น , ภาวะถดถอย , หุ้นเติบโต

อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่สูงขึ้นและวิกฤตเพดานหนี้สหรัฐฯ เข้าใกล้วันครบกำหนดชำระหนี้ (1 มิถุนายน 2023) ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ปัญหาภาวะถดถอยทั่วโลกนั้นดูจะชัดเจนขึ้นไปอีก ซึ่งในภาวะเช่นนี้ทำให้นักลงทุนต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหากลยุทธ์เพื่อเดินนำหน้าตลาดและทำผลตอบแทนที่คาดหวังไว้

เราจำเป็นต้องวางแผนอย่างชาญฉลาดเพื่อรับมือความผันผวนของตลาดและหาเส้นทางเพื่อให้พอร์ตเติบโต โชคดีที่ยังมีกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้และช่วยปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมด้วย 

วิธีการที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ การลงทุนใน “หุ้นเติบโต” หรือที่เรียกว่า “Growth Stock” โดยหุ้นเหล่านี้เป็นตัวแทนของบริษัทที่มีรายรับและกำไรที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างโดดเด่น ในช่วงภาวะถดถอยเช่นนี้ การลงทุนในหุ้นเติบโตเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถลงทุนกับบริษัทที่ทนสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ได้ และเป็นบริษัทที่มีแนวโน้มที่จะทำได้ดีกว่าตลาดอื่นๆ 

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาข้อดีในการลงทุนในหุ้นเติบโตในช่วงเวลาที่มีแต่ความผันผวนช่วงนี้ นอกจากนี้ บทความยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุน ทำให้นักลงทุนสามารถเตรียมพร้อมเพื่อการเติบโตในสภาวะตลาดที่ผันผวนและตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด 

สำรวจหุ้น Growth Stock 

ในช่วงภาวะถดถอย อุตสาหกรรมบางภาคส่วนมีผลประกอบการที่ดีกว่าตลาดโดยรวม ตัวอย่างเช่น การให้บริการสุขภาพ (Healthcare) สาธารณูปโภค (Utilities) สินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต (Consumer Staples) บริษัทเหล่านี้มักมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยังคงเป็นที่ต้องการสูงแม้จะเป็นช่วงภาวะถดถอยก็ตาม 

แม้ว่าอุตสาหกรรมเหล่านี้อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แต่หุ้นเติบโตโดยทั่วไปถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง 

การลงทุนแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่นักลงทุนแต่ละคนยอมรับได้ หากเป้าหมายของคุณคือการได้รับผลตอบแทนสูง หุ้นเติบโตอาจเป็นคำตอบให้คุณได้ ในทางกลับกัน หากคุณชอบวิธีแบบระมัดระวัง หุ้นคุณค่า (Value Stock) หรือหุ้นปันผล (Dividend Stock) อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณ  

ตารางต่อไปนี้ระบุความแตกต่างระหว่างหุ้นเติบโต หุ้นคุณค่า และหุ้นปันผล 

ประโยชน์ของหุ้นเติบโตในช่วงภาวะถดถอย 

เมื่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่ามาตรฐาน นักลงทุนมักจะหันไปสนใจหุ้นเติบโต ความต้องการนี้จึงดันราคาของหุ้นเติบโตให้สูงขึ้น นำไปสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง 

ความจริงแล้ว ข้อมูลเผยว่าหุ้นเติบโตทำผลประกอบการได้ดีที่สุดเมื่ออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่า 0.5% ดังนั้น แม้ในภาวะถดถอยที่ใกล้เข้ามา หุ้นเติบโตยังคงเป็นตัวเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่สมเหตุสมผลและประวัติที่ดีในช่วงสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ 

ด้วยเหตุนี้ หุ้นเติบโตจึงมีโอกาสที่จะซื้อได้ต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ในช่วงที่ภาวะถดถอย อีกทั้งยังเพิ่มมูลค่าเงินทุน (Capital Appreciation) อีกด้วย เมื่อทุกคนตื่นตระหนกและเทขายหุ้นที่มีพื้นฐานดี นักลงทุนระยะยาวจะรอซื้อหุ้นเมื่อราคาลด 

ข้อดีอีกอย่างคือความทนต่อความผันผวน หุ้นเติบโตสามารถปรับตัวได้ในสภาวะตลาดที่ผันผวนมากกว่าหุ้นประเภทอื่น ตัวอย่างเช่น ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 หุ้นเติบโตหลายตัว เช่น Apple และ Amazon ยังคงทำผลงานได้ดี แม้ว่าตลาดโดยรวมจะอ่อนแอก็ตาม 

หุ้นเติบโตที่น่าสนใจ 

การหาหุ้นเติบโตที่มีแนวโน้มที่ดีจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์และประเมินอย่างรอบคอบ โดยหุ้นเติบโตมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อการเติบโตของบริษัท ยกตัวอย่างเช่น อัตราการเติบโตของรายได้ ศักยภาพในการเติบโตของกำไร ความได้เปรียบกับคู่แข่ง และเทรนด์ของตลาด 

นักลงทุนควรศึกษาอย่างละเอียด ตรวจสอบงบการเงิน และประเมินโอกาสการเติบโตของบริษัทเมื่อเทียบกับบริษัทเจ้าอื่นในอุตสาหกรรมและตลาดในวงกว้าง นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสในการหาหุ้นที่มีศักยภาพสูงจากบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีประวัติที่มั่นคง 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าภาวะถดถอยแต่ละครั้งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป และกลยุทธ์การลงทุนก็อาจแตกต่างกันไปด้วย บางครั้ง นักลงทุนอาจต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยต่างๆ เช่น การเติบโตของรายได้ และความได้เปรียบกับคู่แข่ง ในขณะที่ในกรณีอื่นๆ นักลงทุนอาจจะให้ความสำคัญกับแนวโน้มของอุตสาหกรรม 

ในภาวะถดถอยที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งมีลักษณะเด่นคือเป็นปีแห่งการเริ่มต้นการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ (AI) นักลงทุนส่วนใหญ่หันไปสนใจภาคส่วนบริการเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Technology and Communication Services)  

กราฟด้านล่างเป็นตัวอย่างผลกระทบของแนวโน้มอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น  

ที่มา: Bilello.blog 

หุ้น AI ยังคงมีผลประกอบการแตกต่างออกไปจากตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจาก AI ยังคงเติบโตและอยู่ในระยะ Mature ต่อไป

โอกาสและปัจจัยที่เอื้อให้หุ้นเติบโตทำผลประกอบการได้ดี 

เมื่อพิจารณาภาคส่วนที่มีหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า ทำให้เรามองเห็นอุตสาหกรรมที่ทำผลประกอบการได้ดีด้วย โดยหุ้นเติบโตทำได้ดีในภาคส่วนเทคโนโลยี การให้บริการสุขภาพ และพลังงาน 

ภาคเทคโนโลยีมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากหากเทียบกับหุ้นคุณค่า ภาคส่วนนี้ประกอบด้วยหุ้นเทค Mega-Cap และหุ้นสินค้าอุปโภคบริโภค (Discretionary Stock) ในเศรษฐกิจมหภาคที่มีแต่ความผันผวน หุ้นเติบโตเหล่านี้มีศักยภาพที่ดีกว่า 

นอกจากโอกาสในภาคธุรกิจแล้ว หุ้นเติบโตยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ ที่สนับสนุนศักยภาพของหุ้นเหล่านั้น ภาคการให้บริการสุขภาพมีโอกาสเติบโตในราคาที่เหมาะสม เนื่องจากความต้องการบริการทางการแพทย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นแบบใดก็ตาม

นอกจากนี้ กลุ่มพลังงานซึ่งปัจจุบันมีการซื้อขายในมูลค่าที่ต่ำให้อัตรากำไรต่อความเสี่ยงที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นไปได้ว่าราคาของน้ำมันจะเกิดการดีดตัวขึ้น สิ่งนี้บอกเราว่าหุ้นเติบโตในกลุ่มพลังงานมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้

ยิ่งไปกว่านั้น การที่หุ้นเติบโตไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับหุ้นวัฏจักร อย่างการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และระบบสาธารณูปโภค ยิ่งทำให้หุ้นเติบโตนี้แข็งแกร่งขึ้น

เมื่อนักลงทุนได้พิจารณาโอกาสและปัจจัยที่เกี่ยวข้องแล้ว นักลงทุนก็จะสามารถหาโอกาสใช้ประโยชน์จากการเติบโตของภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นหุ้นเติบโตได้ 

การดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐฯ : สิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นเติบโต  

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หุ้นเติบโตมีผลประกอบการที่ดีมาจากการดำเนินการของธนาคารกลางสหรัฐฯ เอง แม้ว่าธนาคารกลางจะใช้นโยบายที่เข้มงวดในปัจจุบัน แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เพิ่งอัดฉีดสภาพคล่องรอบใหม่เข้าสู่ตลาดหลังจากธนาคารสามแห่งในสหรัฐอเมริกาล่มสลายไป (ธนาคาร First Republic Bank, Signature Bank และ Silicon Valley Bank) 

 Source: Fred.stlouisfed.org 

ในปี 2020 ระหว่างช่วงล็อกดาวน์ทั่วโลก งบดุลของเฟดเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในหนึ่งปีเพื่อหนุนเศรษฐกิจ แม้ว่าจะเริ่มลดงบดุลเมื่อต้นปี 2022 แต่ก็เป็นช่วงที่ตลาดอยู่ในช่วงขาลง 

ในเดือนมีนาคม 2023 จากความเครียดในระบบธนาคาร เฟดจึงจำเป็นต้องเข้าแทรกแซงและจัดหาสภาพคล่องให้กับตลาด ก่อให้เกิดคำถามว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการอัดฉีดสภาพคล่องระลอกใหม่ของเฟดหรือไม่? 

ความล้มเหลวของภาคการธนาคารที่เกิดขึ้นป็นเครื่องเตือนใจว่าเศรษฐกิจไม่มีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยงดีนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อมองจากอีกมุมหนึ่ง อาจมองได้ว่าการอัดฉีดสภาพคล่องระลอกใหม่นี้ได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อนักลงทุน อย่างน้อยก็ในระยะสั้น 

หากเฟดเต็มใจเข้าแทรกแซงทุกครั้งที่เกิดวิกฤตธนาคาร แสดงว่ารัฐบาลมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน การรับประกันนี้อาจนำไปสู่การเพิ่มการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้น ส่งผลดีต่อหุ้นเติบโตและเป็นโอกาสที่เอื้ออำนวยให้กับนักลงทุน 

พิจารณาปัจจัยทั้งหมดร่วมกัน 

เมื่อพิจารณาจากภาพรวมของเศรษฐกิจมหภาคแล้ว คาดว่าหุ้นเติบโตจะยังคงทำผลงานได้ดีในช่วงตลาดผันผวน อัตราเงินเฟ้อที่เย็นลง การเติบโตที่ช้าลง และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่องทำให้นักลงทุนเลือกหุ้นเติบโตที่มีศักยภาพสูงและเชื่อถือได้ซึ่งสามารถเติบโตได้ในภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

การเติบโตเป็นเรื่องที่หายากในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ แต่หุ้นเติบโตก็ยังคงมีพื้นที่ในการเติบโตและยังเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน 

ใช้ประโยชน์จากหุ้นเติบโตเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด 

แม้ตลาดจะยังคงผันผวนอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาการลงทุนในหุ้นเติบโตและรับความเสี่ยงได้ 

หุ้นเติบโต เช่น Microsoft, NVIDIA, Advanced Micro Devices, Alphabet, Meta และ Apple ครองตำแหน่งทางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว 

บริษัทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางที่มาพร้อมกับนโยบายที่เอื้อต่อการทำธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากตลาด AI และทำให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ 

ลักษณะของ AI มีความโดดเด่นทางนวัตกรรมและความก้าวหน้า ทำให้บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องก้าวนำหน้าอยู่เสมอ ผู้ที่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้จะได้รับผลประโยชน์อย่างมากจากช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติ AI ที่กำลังดำเนินอยู่ 

นักลงทุนสามารถติดตามบริษัทที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ตนเองสามารถทำผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมในภาค AI ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา 

เพื่อให้เราสามารถนำตลาดได้และประสบความสำเร็จในภาวะถดถอย เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงเหตุผลเบื้องหลังศักยภาพของหุ้นเติบโตที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องและใช้กลยุทธ์การลงทุนให้ถูกวิธี

ศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด กระจายความเสี่ยงของพอร์ต และมองในระยะยาว เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างผลตอบแทนสูงสุดจากการลงทุนในหุ้นเติบโตในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

หากเราติดตามข่าวสารเสมอ ใช้ความรอบคอบ และใช้ประโยชน์จากศักยภาพของบริษัทเหล่านี้ เราจะสามารถฝ่าฟันปัญหาความผันผวนของตลาดและอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตามมาด้วย  

| เกี่ยวกับ Doo Prime        

เครื่องมือการซื้อขายของเรา      

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น     

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน     

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก      

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ      

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก      

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ      

โทรศัพท์      
ยุโรป : +44 11 3733 5199        
เอเชีย : +852 3704 4241         
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415        
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539          

อีเมล    
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]        
ฝ่ายขาย [email protected]       

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)         

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)       

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต        

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้       

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง      

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย      

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง  

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย      

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป