Doo Prime รายงานมูลค่าการซื้อขาย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565

2022-03-15 | FEB 2022 , Latest News , Trading Volume , กุมภาพันธ์ , มูลค่าการซื้อขายรายเดือน

มูลค่าการซื้อขายโดยรวม ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 

  • มูลค่าการซื้อขายรวม: 34,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ 
  • คู่สุกลเงินที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ  XAU/USD, EUR/USD และ US30 
  • XAU/USD มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ 21,060,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ  
  • XTI/USD ทำสถิติมูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 3,700,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 43.74%  

Doo Prime รายงานมูลค่าการซื้อขายประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 

Doo Prime แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ชั้นนำระดับโลก ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระหว่างประเทศทั่วโลก มีมูลค่าการซื้อขายรวม 34,170,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

โดยปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์นั้นลดลงคิดเป็น 6.23% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ในทางกลับกัน Doo Prime ก็มีปริมาณการซื้อขายรายปีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 86.53% เมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายในเดือนมกราคม 2565 ที่ 18,320,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

แม้ว่าปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์จะลดลง แต่ปริมาณเฉลี่ยต่อวัน (ADV) เพิ่มขึ้นถึง 12,200,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็น 3.81% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม

จากสถิติข้างต้นกล่าวได้ว่า XAU/USD, EUR/USD และ US30 เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่เทรดเดอร์ เลือก ซึ่งคิดเป็น 81.73% ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนี้ XAU/USD ยังมีปริมาณการซื้อขายรายเดือนสูงสุดที่ 21,060,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ การจับคู่ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกสองคู่คือ EUR/USD และ US30 ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายโดยรวมต่อเดือนที่ 6,860,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่ XTI/USD มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นสูงสุดในแต่ละเดือน โดยมีมูลค่า 3,700,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 43.74% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม

แม้จะมีปัจจัยหลายอย่างที่เอื้อต่อการเติบโตนี้ Doo Prime ก็มีผลการดำเนินการที่น่าพอใจและจะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์การลงทุนที่ดีกว่าเพื่อนักลงทุนทั่วโลกต่อไปในฐานะแพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ชั้นนำระดับโลก Doo Prime มีขอให้คำมั่นสัญญาที่จะมุ่งมั่นนำท่านก้าวย่างอย่างล้ำหน้ามากกว่าเสมอ เราจะพัฒนาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ระดับโลกและนำท่านเข้าสู่ยุค Fintech อย่างภาคภูมิ

รู้จัก Doo Prime 

about Doo Prime

Doo Prime แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์ชั้นนำระดับโลกภายใต้การนำของ Doo Group ซึ่งมุ่งมั่นที่จะให้บริการนักลงทุนมืออาชีพด้วยผลิตภัณฑ์การซื้อขาย CFD ระดับโลก ที่ครอบคลุมทั้ง หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส Forex สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น และกองทุน ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้กับลูกค้ามืออาชีพมากกว่า 35,000 ราย โดยมีคำสั่งซื้อขายมากกว่า 1 ล้านรายการ ในแต่ละเดือน

Doo Prime ได้รับใบอนุญาตการกำกับดูแลทางการเงินที่เกี่ยวข้องในเซเชลส์ มอริเชียส และวานูอาตู โดยมีศูนย์ปฏิบัติการในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ดูไบ กัวลาลัมเปอร์ และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทางการเงินที่แข็งแกร่ง พันธมิตรที่มั่นคง และทีมเทคนิคที่มีประสบการณ์ Doo Prime จึงสามารถสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมการซื้อขายที่ปลอดภัย ต้นทุนการซื้อขายที่แข่งขันได้ รวมถึงวิธีการฝากและถอนเงินที่รองรับมากกว่า 10 สกุลเงินที่แตกต่างกัน

นอกจากนี้ Doo Prime ยังให้บริการลูกค้าหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและดำเนินการซื้อขายอย่างรวดเร็วผ่านเทอร์มินัลการซื้อขายชั้นนำอย่าง MT4, MT5, TradingView และ InTrade อีกทั้งยังครอบคลุมผลิตภัณฑ์การซื้อขายมากกว่า 10,000 รายการ

วิสัยทัศน์และพันธกิจของ Doo Prime คือการเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีทางการเงินให้การลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลกของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
Email :  [email protected]
Line Official : https://bit.ly/3vd0zuM

+44 11 3733 5199(ยุโรป)
+852 3704 4241(เอเชีย)
+86 400 8427 539(เอเชีย – ประเทศจีน)

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป