Doo Group x Manchester United: งาน “Coming To Light” จบลงอย่างงดงาม

2023-05-18 | Coming To Light , Doo Group x Manchester United

แฟนๆ ในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด (The Old Trafford) ส่งเสียงเชียร์ต่อชัยชนะ เมื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเรอร์ส (Wolverhampton Wanderers) ด้วยคะแนน 2 ต่อ 0 ในพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม เป็นการประกาศชัยชนะของแมนยูที่ได้ขึ้นแท่น 4 อันดับแรกของการแข่งขันครั้งสำคัญ การแข่งขันที่เกิดขึ้นนี้จบลงอย่างสวยงามด้วยชัยชนะพร้อมกับกิจกรรมเฉลิมฉลองระหว่าง 2 พาร์ทเนอร์ที่มีคติเดียวกันและเราต่างให้ความสำคัญกับสิ่งเดียวกัน 

งาน “Coming To Light” ที่เกิดขึ้นเป็นการเฉลิมฉลองความร่วมมือระหว่าง Doo Group และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนี้มีกิจกรรมต่างๆ มากมายตลอดหลายวันนี้ เช่น การสัมภาษณ์ การถามตอบจากแอมบาสเดอร์ของแมนยู ดูสนามฝึก ทัวร์สนาม แลกเปลี่ยนเสื้อพร้อมลายเซ็นต์ และสิทธิเข้าชมแมทช์แบบ VIP สำหรับ Doo Group เพื่อชมการแข่งขันของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพบกับวูล์ฟแฮมป์ตันวันเดอเรอร์สที่สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดหรือที่เรียกกันว่าเป็นโรงละครแห่งความฝัน (Theatre of Dreams)

Doo Group และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเชื่อมั่นในคติเดียวกัน 

Ian Howard ผู้อำนวยการของ Doo Group กล่าวถึงการเป็นพาร์ทเนอร์ครั้งนี้ว่า “เราตั้งใจที่จะทำให้เส้นทางระหว่าง 2 ฝ่ายครั้งนี้สมบูรณ์แบบ ทางเราเองได้รับแรงบันดาลใจจากแมนยูที่ทุ่มเททำทุกสิ่งให้ดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เชื่อมต่อกับชุมชนในเส้นทางแห่งมิตรภาพครั้งสำคัญครั้งนี้ และเราตั้งตารอดูอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป” 

ลงทุนกับอนาคตไปพร้อมกับสิ่งที่เราให้ความสำคัญร่วมกัน! 

Doo Group เป็นผู้นำระดับโลกในเรื่องการลงทุนเพื่อชุมชนต่างๆ ตามแนวทางของ CSR มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ในขณะที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมีประวัติแห่งความยิ่งใหญ่ และยังมีอนาคตที่มุ่งไปสู่การพัฒนาเพื่อมาตรฐานที่สูงที่สุด หัวใจสำคัญของการเป็นพาร์ทเนอร์ครั้งนี้คือ ทั้ง 2 ฝ่ายจะรวมแฟนๆ จากทุกชุมชนเข้าด้วยกันเพื่อทำสิ่งที่ดีกว่าและเฉลิมฉลองคติที่เรายึดมั่นและให้ความสำคัญร่วมกัน 

เราจะสื่อสารพันธกิจระหว่างเราผ่านทางสโมสรและแฟน ๆ ทั่วโลกให้กับลูกค้าและผู้ที่สนับสนุนเรา เพื่อให้ความร่วมมือครั้งนี้พัฒนาจากความแข็งแกร่งสู่ความแข็งแกร่งขึ้นไปอีกในไม่กี่ปีข้างหน้า 

ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างพาร์ทเนอร์ Doo Group และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เราจะยังคงให้ความสำคัญกับคติที่เรามีร่วมกันเป็นหัวใจสำคัญ และนำสิ่งที่ดีมาสู่ชุมชนทั่วโลก เพราะเราใส่ใจในสิ่งเดียวกับคุณ 

เกี่ยวกับ Doo Group     

Doo Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 ในปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ที่ประเทศสิงคโปร์ หลังจากการพัฒนาหลายปี Doo Group ได้กลายเป็นบริษัทบริการทางการเงินหลายประเภทที่มีเทคโนโลยีทางการเงินเป็นหลัก โดยมีบริษัทในเครืออย่าง Doo Clearing, Doo Financial, Doo Prime, FinPoints และอื่น ๆ Doo Group มีความมุ่งมั่นที่จะให้การบริการจัดการการซื้อขายและทรัพย์สินมากกว่า 20,000 ผลิตภัณฑ์ อาทิ เช่น หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น และสกุลดิจิตอลให้กับลูกค้ารายบุคคลและองค์กร     

ปัจจุบัน หน่วยงานภายใน Doo Group แต่ละผลิตภัณฑ์และพื้นที่ที่ให้บริการได้รับการควบคุมโดยหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินชั้นนำระดับโลกหลายแห่งโดยครอบคลุมสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (US SEC) และหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมการเงิน (US FINRA) หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินแห่งสหราชอาณาจักร (UK FCA) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนแห่งออสเตรเลีย (ASIC) ศูนย์รายงานและวิเคราะห์ธุรกรรมแห่งออสเตรเลีย (AUSTRAC), คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (HK SFC), สำนักงานประกันภัยฮ่องกง (นายหน้าประกันภัยของฮ่องกง), สำนักทะเบียนบริษัทฮ่องกง (HK Trust Company), กรมศุลกากรและสรรพสามิตของฮ่องกง (ผู้ดำเนินการบริการเงินของฮ่องกง), Malaysia Labuan Financial Services Authority (MY Labuan FSA), Seychelles Financial Services Authority (SC FSA), Mauritius Financial Services Commission (MU FSC) และ Vanuatu Financial Services Commission (VU FSC) Doo Group มีหน่วยงานที่ดำเนินงานอยู่ในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงดัลลัส ลอนดอน ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง ดูไบ กัวลาลัมเปอร์ และภูมิภาคอื่นๆ    

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่     

ฮ่องกง: +852 6701 2091     

สิงคโปร์: +65 6011 1736    

อีเมล: [email protected]    

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)     

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)   

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่  เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Group จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต    

Doo Group ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Group เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Group ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้   

Doo Group ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Group ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง   

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงินนั้น เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้   

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับเรา หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ      

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย   

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Group ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Group ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล   

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป