จีนสร้างสถิติใหม่ในการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า นำโดยบริษัท BYD และ Li Auto

2023-10-12 | BYD , EV , Li Auto , จีน , ยานยนต์ , รถยนต์ไฟฟ้า

ในงานเฉลิมฉลองความสำเร็จของการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ครั้งที่ 5 ล้านของจีน นายหวัง ชวนฟู่ ประธาน BYD ได้ประกาศว่า “จีนกำลังจะให้กำเนิดแบรนด์ยานยนต์รุ่นใหม่ที่จะเป็นที่รู้จักทั่วโลก” 

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้เปิดเผยตัวเลขการส่งมอบในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ซึ่งแสดงให้เห็นการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยหลายครั้งได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จีนเป็นตลาด EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว จึงดูเหมือนว่าจีนจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในตอนนี้ 

บทความนี้จะพาท่านไปเจาะลึกถึงบริษัท EV ของจีนในอุตสาหกรรมระดับนานาชาติ อีกทั้งยังวิเคราะห์ปัญหาและโอกาสของตลาด EV ของจีน ดังนั้น มาเริ่มศึกษาผู้เล่นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า EV ไปด้วยกัน  

EV จีนในฐานะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม 

ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2023 รถยนต์ไฟฟ้าของจีนคิดเป็นประมาณ 61% ของตลาด EV ของโลก โดยมีอัตราพลังงานหมุนเวียนของจีนอยู่ที่ 28% 

ในช่วงเวลาเดียวกัน จากการจัดอันดับยอดขายของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดจีน นอกเหนือจาก Tesla แล้ว อีก 9 แห่งที่เหลือล้วนเป็นบริษัทจีนทั้งหมด ได้แก่ BYD, GAC Aion, SAIC-GM Wuling, Geely, Changan Automobile, Li Auto, Great Wall Motor, NIO, XPeng และ Hozon Auto 

Cui Dongshu เลขาธิการสมาคมรถยนต์นั่งแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีก EV ในเดือนกันยายนจะสูงถึงประมาณ 750,000 คัน เพิ่มขึ้น 22.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีอัตราการเจาะตลาด 37.9% 

บริษัท EV ได้เปิดเผยตัวเลขการส่งมอบในเดือนกันยายน ซึ่งโดยทั่วไปมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยหลายแห่งบรรลุเป้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์  

ในเดือนกันยายน Li Auto มียอดจำหน่ายทะลุ 30,000 คันเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน ในขณะที่ Leapmotor, NIO, Xpeng และ Hozon Auto มียอดส่งมอบมากกว่า 10,000 คัน 

ผู้ผลิตรายอื่นๆ เช่น Changan Deep Blue, Lant Voyah Lantu และ Avita ได้ทำสถิติยอดขายใหม่ในเดือนเดียว โดย Aion มียอดทะลุ 50,000 คันเป็นครั้งแรก 

ขณะเดียวกัน การเข้าสู่ตลาดนอกประเทศของ Huawei ของ “Huawei AITO 7” ได้สร้างคลื่นระลอกใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจาก Huawei มาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่โดดเด่นและระบบการขับขี่อัจฉริยะที่น่าประทับใจ 

นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 12 กันยายน บริษัทมียอดสั่งซื้อล่วงหน้ามากกว่า 50,000 รายการ และมียอดสั่งซื้อมากกว่า 7,000 รายการภายในวันเดียว ณ วันที่ 6 ตุลาคม 

ตลาด EV ของจีนกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลง โดยมีแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับและเกิดใหม่เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับการพัฒนาของบริษัทยานยนต์ด้วย 

แบรนด์ EV มีทั้งดั้งเดิมและสมัยใหม่ ระดับไฮเอนด์และราคาไม่แพง จีนได้สร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรม EV ซึ่งขับเคลื่อนผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกไปสู่อนาคตของอุตสาหกรรมขนส่งที่ยั่งยืน 

2 มุมมองระหว่างประเด็นความท้าทายและข้อดีของอุตสาหกรรม EV ของจีน 

อนาคตของอุตสาหกรรม EV ของจีนดูจะสดใส อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีประเด็นท้าทายที่ซ่อนอยู่ 

การสอบสวนเงินอุดหนุนของสหภาพยุโรป 

ยุโรปเป็นตลาด EV ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และเป็นตลาดต่างประเทศที่สำคัญกับ EV ของจีน โดยตอนนี้ ยุโรปกำลังอยู่ในกระบวนการสอบสวนของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปเกี่ยวกับเงินอุดหนุนผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของจีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อผู้ผลิต BEV ในสหภาพยุโรปหรือก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ 

หากสหภาพยุโรปกำหนดภาษีต่อต้านเงินอุดหนุนยานพาหนะไฟฟ้าของจีน อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกยานยนต์ของจีน 

ความได้เปรียบทางเทคโนโลยีของ Tesla

ในเดือนกันยายน มีข่าวเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ชื่อว่า “gigacasting” ของ Tesla ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติกระบวนการผลิตรถยนต์ นวัตกรรมนี้พัฒนาประสิทธิภาพของแชสซีโดยการผสานรวมงานประกอบของชิ้นส่วนถึง 400 ชิ้น โดยให้สัญญาว่าจะช่วยให้ Elon Musk บรรลุเป้าหมายในการลดต้นทุนการผลิตลงครึ่งหนึ่ง 

ในขณะที่คู่แข่งส่วนใหญ่อาจใช้เวลา 3-4 ปีในการพัฒนารถยนต์ใหม่ โดยเทคโนโลยีของ Tesla ช่วยให้สามารถดำเนินการเสร็จสิ้นได้ในเวลาเพียง 18 – 24 เดือน 

กลยุทธ์การตัดราคาของ Tesla เมื่อต้นปีนี้ทำให้เกิดสงครามราคาระหว่างบริษัท EV ของจีน และเทคนิคการผลิตล่าสุดอาจเปิดโอกาสให้ Tesla ลดราคารถยนต์เพิ่มเติมได้ ทำให้ Tesla สามารถยึดส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นได้ 

สงครามราคาระหว่าง Tesla และผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนดำเนินไปอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 9 เดือนแล้ว แต่น่าประหลาดใจที่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จีนเสียเปรียบแต่อย่างใด 

ในทางกลับกัน กลับผลักดันยอดขายไปสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนตลอดทั้งปี ราคารถที่ลดลงยังคงกระตุ้นการบริโภคในตลาด และมีโอกาสใหม่หลั่งไหลมามากมายสำหรับตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของจีน

การสนับสนุนจากรัฐบาลจีน 

อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของจีนได้เข้าสู่ยุคหลังการสนับสนุน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 เพียงช่วงครึ่งแรกของปี 2023 หน่วยงานระดับประเทศและระดับท้องถิ่นได้ออกนโยบายเกือบ 10 ฉบับที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า 

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการประกาศในวันที่ 21 มิถุนายนที่จะขยายและเพิ่มประสิทธิภาพนโยบายในการลดภาษีซื้อรถยนต์สำหรับ EV เป็นการขยายเวลาของนโยบายเป็นครั้งที่ 4 โดยจะมีการลดสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษีลงทีละน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

จุดมุ่งหมายคือเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้บริโภค เพิ่มความเชื่อมั่นในบริษัท EV และส่งเสริมการยอมรับ โดยคาดว่าการลดหย่อนภาษีจะสูงถึง 520 พันล้านหยวน 

ในระยะสั้น นโยบายดังกล่าวซึ่งจะมีผลใช้บังคับในต้นปีหน้า คาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ 

ในระยะกลางถึงระยะยาว นโยบายการลดภาษีในอีกสี่ปีข้างหน้าจะส่งผลต่อกลยุทธ์และจังหวะการกำหนดราคาของบริษัท EV 

ด้วยแรงกระตุ้นจากนโยบายหลายประการ EVs คาดว่าจะรักษาวิถีการเติบโตที่แข็งแกร่งได้ 

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและตะวันออกกลาง 

ในปี 2023 องค์ประกอบของตลาด EV ในยุโรปอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การเติบโตของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดหยุดนิ่งตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเพิ่มขึ้น 

รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดยานยนต์ยุโรปกำลังเป็นไปได้ดีในตอนนี้ แต่บริษัทในยุโรปกำลังดิ้นรนเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป 

ตอนนี้ยุโรปมีโอกาสที่จะร่วมมือกับบริษัทจีนเพื่อพัฒนายานยนต์เจเนอเรชั่นถัดไปหรือนำเทคโนโลยีหลักและระบบส่งกำลังของบริษัทจีนมาใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในยุโรป 

นอกจากนี้ การอนุมัตินโยบาย EV แห่งชาติฉบับใหม่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อเร็วๆ นี้ ยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม EV 

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของตะวันออกกลางสำหรับการส่งออกยานยนต์ของจีน โดยมีแบรนด์ต่างๆ เช่น Hongqi, Geely และ BYD เข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ของ UAE แล้ว นโยบายใหม่นี้เปิดโอกาสมากขึ้นสำหรับบริษัทจีน

เส้นทางสู่การครอบงำตลาดยานยนต์โลก สำรวจหุ้น EV ของจีนที่ทำผลงานได้ดี

ในสภาพแวดล้อมที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของจีนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้เล่นที่โดดเด่นอยู่ 2 ราย ได้แก่ BYD และ Li Auto

BYD 

BYD เป็นบริษัทระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม EV ในจีน ไม่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย EV รายใหญ่ที่สุดของประเทศเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Tesla อีกด้วย ข้อมูลการเติบโตล่าสุดบ่งชี้ว่า BYD รุกเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน 

สำหรับไตรมาสที่สามของปีนี้ บีวายดีประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 440,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 67% เมื่อเทียบเป็นรายปี 

ความสำเร็จอันน่าทึ่งนี้แซงหน้าการเติบโต 18% ของ Tesla เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีจำนวนถึง 430,500 คัน ส่งผลให้ BYD ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ผลิต EV ที่สูงที่สุดในโลก 

นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ยังเติบโต 23% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน โดยเพิ่มขึ้นเป็น 431,600 คัน ยอดของ BYD นี้ตามหลัง Tesla เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น โดยตัวเลขยอดขายของ Tesla อยู่ที่ 435,100 หน่วย แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่าง BYD กับคู่แข่ง ถึงแม้ว่า Tesla จะปรับเปลี่ยนสายการผลิตก็ตาม 

บีวายดีกล้าเสี่ยงเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ ครอบคลุมญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ยุโรป และละตินอเมริกา การเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์เหล่านี้ส่งผลให้ตัวเลขการส่งมอบรถยนต์มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ในขณะเดียวกัน การปรับเปลี่ยนสายการผลิตของ Tesla ได้ส่งผลให้ยอดขายลดลง ส่งผลให้ช่องว่างการขายระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองรายแคบลงจนเหลือจุดที่ใกล้เคียงกันที่สุดในประวัติศาสตร์ 

Li Auto 

ไม่ว่าจะเป็นเดือนกันยายนหรือไตรมาสสามทั้งไตรมาส Li Auto ก็มีผลประกอบการที่น่าทึ่ง โดยมีอัตราการเติบโตปีต่อปีที่เกินกว่า 200% 

ต่างจาก BYD ตรงที่ Li Auto ควบคุมซัพพลายเออร์ในประเทศ มีพื้นที่ที่เจาะจงในตลาด

ในเดือนกันยายนเพียงเดือนเดียว Li Auto เฉลิมฉลองการส่งมอบรถยนต์ใหม่จำนวน 36,060 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจถึง 212.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเป็นสถิติการส่งมอบรายเดือนใหม่ 

ณ วันที่ 30 กันยายน 2023 ยอดส่งมอบสะสมสำหรับไตรมาสที่สามอยู่ที่ 105,108 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าประหลาดใจถึง 296.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดส่งมอบสะสมต่อปีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 244,225 คันแล้ว 

ไม่มีสัญญาณของการชะลอตัวของ Li Auto โดยผู้ก่อตั้ง Xiang Li คาดการณ์ว่ายอดส่งมอบจะเกิน 40,000 คันในเดือนพฤศจิกายน 

Li Auto ได้กล่าวถึงกลยุทธ์ในการไม่เข้าสู่ตลาดต่างประเทศจนถึงปี 2025 โดยปัจจุบัน เป้าหมายหลักมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าระยะไกล ซึ่งออกแบบมาเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลของลูกค้าชาวจีน

Xiang Li เน้นย้ำว่า “เราผลิตส่วนประกอบหลักของเราในประเทศถึง 99%” ซึ่งครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่ชิป หน่วยความจำ แบตเตอรี่ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม และระบบเบรก การให้ความสำคัญกับซัพพลายเออร์ในประเทศเป็นอย่างมากนี้ช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทอย่างมาก 

เส้นทางข้างหน้าสำหรับตลาด EV 

ภาคยานยนต์ยังคงเป็นกำลังสำคัญในตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า นักลงทุนควรติดตามตลาด EV อย่างใกล้ชิด โดยปรับตัวให้เข้ากับปัญหาความท้าทายและโอกาสที่เกิดขึ้น

ในขณะทีเรามุ่งจับตาหุ้น EV ที่มีผลประกอบการดีแล้ว เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่เราจะต้องจับตามองบริษัทจีนที่มีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาดหุ้น เช่น ZEEKR และบริษัทอื่นๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต

| เกี่ยวกับ Doo Prime          

เครื่องมือการซื้อขายของเรา        

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น       

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน       

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก        

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ        

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก        

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ        

โทรศัพท์        
ยุโรป : +44 11 3733 5199          
เอเชีย : +852 3704 4241           
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415          
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539            

อีเมล      
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]          
ฝ่ายขาย [email protected]         

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)           

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)         

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต          

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้         

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้     

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง        

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย        

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย        

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป