นักลงทุน ‘Big Short’ เดิมพัน 1.6 พันล้านดอลลาร์ต่อสภาวะตลาดหุ้นล้ม ถึงเวลาตื่นตระหนกแล้วหรือไม่

2023-08-24 | Big Short , Michael Burry , ตลาดหุ้น , หุ้น

Michael Burry MD คือนักลงทุนชื่อดังที่อยู่ในหนังเรื่อง ‘The Big Short’ เป็นผู้ทำนายวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 เพิ่งเข้า Short ตลาด S&P 500 และ Nasdaq มูลค่าถึง 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ  

มุมมองเชิงบวกที่มีต่อ AI เพิ่งถูกลดทอนลงจากความ Hawkish ของธนาคารกลางสหรัฐ สถานะ Short ครั้งใหญ่ของ Burry ครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับความยั่งยืนของแรงซื้อในภาวะกระทิงในปัจจุบัน 

ตลาดหุ้นกำลังจะล่มสลายหรือไม่? ถึงเวลาที่จะต้องตื่นตระหนกแล้วหรือยัง? หรือตลาดกำลังประสบกับการปรับฐานชั่วคราว? 

ในบทความนี้ เราจะสำรวจปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้น และเราจะประเมินว่าสถานะ Short ของ Michael Burry เป็นการเทรดที่รอบคอบหรือไม่ นอกจากนี้เราจะเน้นและวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่นักลงทุนจำเป็นต้องจับตามอง 

พอร์ตฟอลิโอการลงทุนของ Michael Burry

Michael Burry ในภาพยนตร์ The Big Short แสดงโดย Christian Bale ในปี 2015 ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ Burry ทำเงินกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเดิมพันกับตลาดบ้านก่อนที่จะเกิดวิกฤติทางการเงินในปี 2008  

นอกจากความสำเร็จของเขาในปี 2008 แล้ว ผลงานกองทุนเฮดจ์ฟันของ Michael Burry ยังสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ในระยะยาว สิ่งนี้ทำให้เขามีความน่าเชื่อถือมากพอที่จะทำให้นักลงทุนพิจารณาสถานะ Short ของเขาใน SPY และ Invesco QQQ 

Burry ได้เตือนถึงความเป็นไปได้ของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในปี 2023 อยู่หลายครั้ง เขาเป็นที่รู้จักจากรูปแบบการลงทุนแนว Contrarian และเขาไม่กลัวที่จะเดิมพันตรงกันข้ามกับความเห็นส่วนใหญ่ของตลาด 

ช่วงเวลาก่อนที่จะเข้าซื้อตำแหน่ง Short เป็นจำนวน 93% ของพอร์ตโฟลิโอของเขา Scion Asset Management ของ Michael Burry ได้ขายหุ้นจำนวนมากใน Alibaba Group, Zoom Video Communication, JD.com Inc และอื่นๆ อีกมากมาย 

นี่อาจเป็นสัญญาณความเร่งด่วนของ Burry หรือว่า Burry เห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น? 

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ นักลงทุนไม่ควรเทรดตามกลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบันของ Burry โดยไม่หวังผล FOMO (กลัวว่าจะพลาด) เราควรจำไว้ว่าเขาเริ่มขายหลักทรัพย์การจำนองค้ำประกันในปี 2005 สามปีก่อนเกิดวิกฤติ ซึ่งหมายความว่าจังหวะของเขาไม่ได้สมบูรณ์แบบมากนัก และเขาจำเป็นต้องทนกับการขาดทุนเป็นเวลาหลายปีก่อนที่การคาดการณ์ของเขาจะเป็นจริง  

“ตลาดสามารถคงความไม่มีเหตุผลได้นานกว่าที่คุณจะสามารถทนได้” 

John Maynard Keynes 

AI อยู่ที่ใด ในเวลาที่เราต้องการมากที่สุด

ความเชื่อมั่นที่ขับเคลื่อนโดย AI ได้เปลี่ยนจาก Extreme Greed เป็น Fear ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เนื่องจาก NASDAQ ลดลงเพียง 5% จากระดับสูงสุดในปีนี้ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อความเชื่อมั่นนี้อาจเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับตลาด โดยสื่อว่าโมเมนตัมของ AI ยังคงมีอยู่ และการลงครั้งนี้เป็นเพียงแค่พักฐานก่อนที่จะเกิดภาวะกระทิงขึ้นอีกครั้ง นักลงทุนที่คิดต่าง เช่น Michael Burry เชื่อว่าโมเมนตัมของ AI ได้เริ่มลดลงแล้ว และนี่เป็นสัญญาณว่าตลาดใกล้จะถึงจุดสูงสุด 

อย่างไรก็ตาม หากเราย้อนกลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ ตลาดมีการปรับฐานที่แข็งแรงประมาณ 9% ก่อนที่จะพุ่งสูงขึ้นเกือบ 20% เราจะได้เห็นสถานการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้งหรือไม่? 

ปัจจัยใดที่อาจกระตุ้นให้เกิดการเทขายในตลาดหุ้น

ปัญหาหนี้รวมกับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น

ข้อกังวลที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับนักลงทุนคือระดับหนี้คงค้างในปัจจุบัน 

รัฐบาลสหรัฐฯ มีหนี้อยู่ 32.7 ล้านล้านดอลลาร์ และหนี้ทั่วโลกกำลังเข้าใกล้ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนี้ระดับนี้ได้ทำลายสถิติมากที่สุด และโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็จะเพิ่มขึ้นทุกวัน ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

งบดุลของ Fed ที่ลดลง

ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 ระบบการเงินทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะล่มสลาย 

Fed ต้องเข้าแทรกแซงเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มดำเนินนโยบายการเงินที่เรียกว่า Quantitative Easing (QE) 

โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาจะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคาร บริษัท หุ้น พันธบัตร หรือในด้านอื่น ๆ ของเศรษฐกิจ เมื่อมีความเสี่ยงบางอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน 

การแทรกแซงครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์/มีนาคมของปีนี้ เมื่อ Silicon Valley และธนาคารรายใหญ่อื่นๆ ล่มละลาย Fed ได้เข้ามาแทรกแซงสภาพคล่องเพื่อพยุงตลาด 

อย่างไรก็ตาม หลังจากเหตุการณ์นั้น Fed ก็เริ่มดึงสภาพคล่องออกจากงบดุลอีกครั้งตามที่ประธาน Powell ให้สัญญาไว้ในตอนแรก การไหลออกของสภาพคล่องนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้และสภาพคล่องได้ลดลงประมาณ 5% หาก Fed ยังคงลดยอดเงินคงเหลือและเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ปัญหาใหม่ในระบบจะเกิดขึ้นอีกได้ 

เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งหรือไม่? ซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะเข้ามาช่วยอยู่เสมอ 

หาก Fed ไม่ทำ ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ย และการลดงบดุลอาจส่งผลลบต่อตลาดหุ้นได้ 

ตัวชี้วัดที่สำคัญ

น้ำมันดิบ WTI 

ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากกว่า 20% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และความเสี่ยงที่ยังคงอยู่ในระดับสูง (อ่านบทความเต็มของเราเกี่ยวกับ WTI Oil เพื่อดูการวิเคราะห์เชิงลึกเพิ่มเติม

หากราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป อาจเร่งอัตราเงินเฟ้ออีกครั้งและบังคับให้ธนาคารกลางสหรัฐขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อจากราคาของน้ำมัน 

หากสถานการณ์นี้เกิดขึ้น โอกาสที่ตลาดหุ้นจะพังก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก 

ดัชนีดอลลาร์ (DXY) 

มีสองสาเหตุหลักที่ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 

  1. อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่สูงขึ้น
  2. ปริมาณเงินที่ลดลง 

หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและปริมาณเงินยังคงลดลงสู่ระดับต่ำที่สุดที่เคยได้บันทึกไว้ จะทำให้ DXY พุ่งสูงขึ้น! สิ่งนี้อาจทำให้เกิดภาวะเงินฝืดซึ่งอาจนำไปสู่การเทขายหุ้นครั้งใหญ่

ดัชนี Volatility Index (VIX) 

VIX เป็นตัวบ่งชี้ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าซึ่งสะท้อนถึงความรู้สึกของนักลงทุนและวัดความคาดหวังเกี่ยวกับความผันผวนของตลาด 

จากกราฟ VIX นักลงทุนยังไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก แต่ถ้าหากพบเหตุการณ์ความเสี่ยงเชิงระบบที่สำคัญขึ้น VIX จะต้องขึ้นให้สูงกว่า 50 

ด้วยราคาหุ้นที่เพิ่งลดลงเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้ VIX ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 15 เป็น 18 เท่านั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเมื่อมีการปรับฐาน 

อย่างไรก็ตาม การใช้ VIX เพื่อเป็นตัวช่วยในการเทรดของคุณอาจเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ เนื่องจากคุณสามารถประเมินความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการปรับสถานะการลงทุนและใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง 

ผลประกอบการประจำฤดูกาล SPX

อ้างอิงจากข้อมูลในอดีต ตลาดหุ้นในช่วงฤดูร้อนจะแย่กว่าช่วงฤดูกาลอื่นๆ โดยมีเหตุผลสองประการสำหรับเรื่องนี้ 

ประการแรก ฤดูร้อนเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนจำนวนมากลาพักร้อน จึงมีปริมาณการเทรดน้อยลง สิ่งนี้สามารถำทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น เนื่องจากมีผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดน้อยลงในการรักษาเสถียรภาพราคา 

ประการที่สอง นักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงที่มากขึ้นในช่วงฤดูร้อน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะเพิ่มความเสี่ยงกับการลงทุนของตัวเอง ตัวอย่างเช่น หากรายงานรายได้ไม่ตรงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ก็อาจทำให้เกิดการขายหุ้นได้ง่าย 

ในเดือนสิงหาคมที่มีสภาพคล่องต่ำและไม่ค่อยมีข่าวมากนัก นี่อาจเป็นกราฟที่สำคัญที่สุดในการอธิบายการเคลื่อนไหวของราคาในปัจจุบัน เป็นที่รู้กันว่าเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคมเป็นเดือนที่ตลาดเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ แต่ในทางกลับกัน เดือนกันยายน ปริมาณการเทรดกลับมา!

ถึงเวลาที่ต้องตื่นตระหนกแล้วหรือยัง 

ยังมีความไม่แน่นอนว่าตลาดหุ้นจะล่มสลายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ และนักลงทุนควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านั้น หากคุณกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการล่มสลาย คุณอาจต้องพิจารณาการปกป้องการลงทุนของคุณ 

ตำแหน่ง Short ของ Michael Burry ใน S&P 500 ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจหาญยิ่งนัก แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ปัจจัยที่เขากังวล เช่น ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้น งบดุลของเฟดที่ลดลง และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ล้วนเป็นเรื่องจริงและอาจนำไปสู่การเทขายหุ้นในตลาดหุ้นในที่สุด 

ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน พวกเขาควรจำไว้ว่าประวัติของ Michael Burry นั้นไม่ได้สมบูรณ์แบบ เขาอาจพูดถูกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 แต่ในเรื่องการลงทุนอื่นๆ เขาก็ผิดพลาดเช่นกัน 

| เกี่ยวกับ Doo Prime          

เครื่องมือการซื้อขายของเรา        

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น       

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน       

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก        

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ        

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก        

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ        

โทรศัพท์        
ยุโรป : +44 11 3733 5199          
เอเชีย : +852 3704 4241           
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415          
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539            

อีเมล      
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]          
ฝ่ายขาย [email protected]         

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)           

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)         

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต          

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้         

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้     

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง        

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย        

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย        

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป