หุ้น AI VS เฟด : วิเคราะห์ความจริงของตลาดหุ้น

2023-06-29 | ดอกเบี้ย , หุ้น AI , เฟด

หุ้น AI VS เฟด : วิเคราะห์ความจริงของตลาดหุ้น

แม้อัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นเร็วที่สุดในประวัติการณ์ และเงินเฟ้อทั่วโลกสูงสุดในรอบ 40 ปี แต่ตลาดก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดว่าสถานการณ์ยังเป็นไปได้ด ระบบธนาคารสหรัฐฯ ยังอยู่ความเสี่ยง เพิ่มความกังวลต่อการเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคลั่งไคล้หุ้น AI และยังประเมินความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหุ้นนี้ต่ำเกินกว่าความเป็นจริง นักลงทุนบางคนเริ่มสงสัยว่าตลาดขาขึ้นรอบถัดมานั้นเริ่มต้นขึ้นหรือยัง 

ในบทความนี้ เราจะศึกษาความแตกต่างระหว่างหุ้น AI เจ็ดตัว และหุ้นในตลาดตัวที่เหลือ รวมถึงความเสี่ยงที่มี และสาเหตุที่นักลงทุนควรจะตระหนักถึงความเสี่ยงในยุคที่ AI กำลังบูมในปัจจุบัน 

ตลาดหุ้นที่บิดเบี้ยว 

กระแส AI ได้ครอบครองตลาดไปแล้ว นักลงทุนมีความมั่นใจอย่างมากกับอนาคตของเทคโนโลยีใหม่นี้ จนหันหลังให้กับภาคอุตสาหกรรมอื่นในตลาด หุ้น AI เจ็ดตัวที่กล่าวข้างต้นล้วนทำกำไรได้สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น Meta มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกัน บริษัทส่วนใหญ่ใน S&P 500 ยังไม่มีโมเมนตัมที่ทำให้หุ้นขึ้น  

ความย้อนแย้งกันระหว่างหุ้น AI และหุ้นอื่นๆ ในตลาดอาจเป็นคำเตือนตัวใหญ่ๆ ที่บอกว่านักลงทุนจะทิ้งหุ้นไปอย่างรวดเร็วเพื่อทำกำไร 

ความรู้สึก FOMO (ความกลัวที่จะพลาด) เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของนักลงทุนรายย่อย ไปจนถึงตลาดโดยรวม เมื่อนักลงทุนเห็นว่ามีผู้ทำกำไรได้จากภาคส่วนหนึ่งของตลาด พวกเขาอาจคิดว่าพวกเขาจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความรู้เรื่องภาคส่วนนั้นๆ และไม่เข้าใจความเสี่ยงที่มีเลยก็ตาม 

ความรู้สึกนี้ทำราคาหุ้น AI ผันผวน อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือการลงทุนที่ปุบปับเกินไปสร้างปัญหาฟองสบู่ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าจริงเป็นอย่างมาก เมื่อฟองสบู่แตก หุ้นอาจจะเกิดการปรับตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้นักลงทุนต้องสูญเสียเงินไป 

นักลงทุนควรจะจำไว้ว่าหนทางยังอีกยาวไกลสำหรับหุ้น AI ก่อนที่จะถึงดินแดนแห่ง ‘ฟองสบู่’ อย่างไรก็ตาม การใช้ตัวช่วยที่เหมาะสมและมีความรู้ที่ถูกต้องก็เป็นกุญแจสำคัญในการลงทุนในเวลาที่ความมั่นใจของตลาดไม่ดีนัก 

เฟดอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก 

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะคงที่ที่ประมาณ 5% ทำให้เฟดพิจารณาแผนการ ‘หยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว’ โดยประธานพาวเวลล์เน้นย้ำถึงเป้าหมายการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของเฟดให้อยู่ที่ 2% และคาดว่าจะเกิดการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในอนาคตเพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ “ที่หนทางยังอีกยาวไกล” หลังจากพาวเวลล์ปราศรัยแล้ว ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมแตะ 80% และมีโอกาส 15% ที่จะเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในเดือนกันยายน ดูเหมือนเฟดจะยังไม่ถอยในเร็วๆ นี้  

ทำไมสถานการณ์นี้จึงเป็นปัญหา 

การตัดสินใจของเฟดที่จะยกเลิกการหยุดขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวเป็นสัญญาณว่าเฟดจริงจังที่จะแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วย อัตราดอกเบี้ยที่สูงส่งผลต่อการเติบโตทางเ 

การตัดสินใจของเฟดที่จะกลับแนวทางการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวเป็นสัญญาณว่าธนาคารกลางจริงจังกับการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม มันยังเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง ลดการใช้จ่ายของผู้บริโภค และทำให้ยากต่อการกู้ยืมเงินและการลงทุน นี่คือเหตุผลที่เฟดอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบาก ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเพียงตัวเดียวที่เฟดใช้คือข้อมูลการว่างงานซึ่งคงที่มากที่ 3.7% ในเดือนพฤษภาคม หากพาวเวลล์ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป อาจขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ดัชนีชี้วัดเชิงบวกเพียงอย่างเดียวได้รับผลกระทบ 

ดังนั้น ความท้าทายสูงสุดสำหรับประธานคือการเพิ่มอัตราให้เพียงพอเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อ แต่เขาก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการขึ้นอัตรามากเกินไปจนทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 

ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเฟด เนื่องจากเฟดพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการแลกเปลี่ยนที่ยากลำบากนี้ 

อย่างไรก็ตาม ประวัติของเฟดในการหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยในอดีตนั้นไม่น่าประทับใจนัก 

เหตุใดอัตราดอกเบี้ยจึงมีความสำคัญ 

วัฏจักรของอัตราดอกเบี้ยเป็นองค์ประกอบหลักที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าใจวัฏจักรตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ไม่ว่าเฟดจะตัดสินใจให้นโยบายการเงินมีความเข้มงวดหรือผ่อนปรนแล้ว ทั้งสองทางส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัฏจักรของตลาดโดยรวม ดังนั้น การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองนโยบายและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตลาดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน 

ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันนี้ เฟดยังคงดำเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นคืออาจนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจ การลดลงของราคาสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบต่อภาคธนาคาร 

เหตุใดภาคธนาคารจึงได้รับผลกระทบ? 

อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ธนาคารกู้ยืมเงินได้แพงขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลงและอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น การผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นและการปล่อยสินเชื่อลดลง 

เรามีธนาคาร 3 แห่งที่ยุบตัวลงในปีนี้ ได้แก่ ธนาคาร Silicon Valley Ban ธนาคาร Signature Bank และธนาคาร First Republic Bank หากอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราอาจพบเห็นเหตุการณ์เหล่านี้มากขึ้น 

คุณจำได้ไหมว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2008 เริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร ด้วยการล่มสลายของธนาคารเพื่อการลงทุน Lehmann Brothers อย่างไรล่ะ

แผนภูมิด้านบนแสดงให้เห็นว่าเราอาจอยู่ในช่วงปลายของวัฏจักรตลาดโดยที่อัตราดอกเบี้ยยังคงเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ เหตุการณ์ในอดีตยังแสดงให้เราเห็นว่าเราไม่สามารถเพิกเฉยกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ หากเป็นกรณีของเราในตอนนี้ อาจเป็นเพียงการรอเวลาก่อนที่บางอย่างจะ “พัง” ในระบบเศรษฐกิจและทำให้เกิดภาวะถดถอยตามมา 

ควรคาดหวังอะไรกับวัฏจักรตลาดครั้งนี้ 

จากที่กล่าวมาทั้งหมด ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตลาด เพื่อกำจัดส่วนเกิน ปรับราคาสินทรัพย์ และคุมความเสี่ยง ดังนั้น หากสัญญาณเตือนเริ่มดังขึ้นในอีก 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้า นักลงทุนควรตระหนักว่าสิ่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตลาด และอาจเป็นประโยชน์ในระยะยาว 

หลังจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทุกครั้ง จะมีตลาดกระทิงใหม่เกิดขึ้นพร้อมโอกาสใหม่เสมอ  

นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่าตลาดกระทิงของ AI ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ข้อมูลชี้ให้เห็นในทางตรงกันข้าม สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังอยู่เสมอ พิจารณาภาคส่วนตลาดให้กว้างขึ้น และทำความเข้าใจผลกระทบของวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยเพื่อตามทันตลาดให้มีประสิทธิมากขึ้น 

| เกี่ยวกับ Doo Prime          

เครื่องมือการซื้อขายของเรา        

หลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ ดัชนีหุ้น       

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน       

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก        

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 22 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ        

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก        

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ        

โทรศัพท์        
ยุโรป : +44 11 3733 5199          
เอเชีย : +852 3704 4241           
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415          
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539            

อีเมล      
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]          
ฝ่ายขาย [email protected]         

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)           

ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement)         

บทความนี้มีข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Forward-looking Statement) ปรากฏอยู่ เช่นคำว่า “คาดการณ์ว่า” “เชื่อว่า” “ต่อไป” “สามารถ” “ประมาณ” “คาดว่า” “หวังว่า” “ตั้งใจว่า” “อาจจะ” “วางแผนว่า” “มีแนวโน้มว่า” “คาดเดาว่า” “ควรจะ” หรือ “จะ” หรือข้อความอื่น ๆ ซึ่งเป็นการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในข้อความที่ไม่มีคำลักษณะนี้ปรากฏอยู่มิได้แสดงว่าข้อความเหล่านี้ไม่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความเกี่ยวกับความคาดหวัง ความเชื่อ แผนการ จุดประสงค์ ข้อสันนิษฐาน เหตุการณ์ในอนาคต และการกระทำในอนาคตของ Doo Prime จะเป็นข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต          

Doo Prime ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอ้างอิงมาจากข้อมูลปัจจุบันที่มีอยู่ ความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผน Doo Prime เชื่อว่าความคาดหวังในปัจจุบัน ข้อสันนิษฐาน การคาดคะเน และการวางแผนเหล่านั้นสมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตนี้ไม่ใช่เป็นเพียงการคาดหมายและเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่สามารถรับรู้และไม่สามารถรับรู้ได้ แต่หลายเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่อยู่เหนือการควบคุมของ Doo Prime ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ และการกระทำที่แตกต่างจากที่ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้แสดงออกหรือแสดงนัยไว้         

Doo Prime ไม่รับรองหรือรับประกันความน่าเชื่อถือ ความถูกต้อง หรือความสมบูรณ์ของข้อความเหล่านั้น Doo Prime ไม่มีหน้าที่ส่งข้อมูลหรือแก้ไขข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้     

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง        

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย        

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง    

ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย        

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป