การอ่านจังหวะตลาดที่มองแต่แง่ดีเกินไป

2022-12-19 | Forex , Futures , Securities , บทความการเงิน

 

หุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2022 ราคาต่ำกว่าเดิม โดยราคาเทรดมีความผันผวนเป็นพิเศษ เนื่องจากออปชันมูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์กำลังจะหมดอายุซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัน Triple Witching Day (วันที่สัญญาทั้ง 3 คือ สัญญา Futures ดัชนีหุ้น – สัญญา Options ของดัชนีหุ้นสหรัฐฯ และสัญญา Options หุ้นรายตัวของสหรัฐฯ จะหมดอายุพร้อมภายในวันเดียว)

จุดอ่อนนี้มีสาเหตุหลักมาจาก BOE, ECB และ Fed ต่างขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 50 bps ตามมาด้วยถ้อยแถลงนโยบายในทาง Hawkish ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ 

ถ้าเทียบกับก่อนหน้านี้ คำแถลงการณ์ของ Jerome Powell ไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเท่าใดนัก แต่ตลาดกลับต่ำลงอย่างน่าใจหายหลังจากคำสัมภาษณ์ของประธาน ECB คนปัจจุบัน Christine Lagarde ซึ่งให้สัมภาษณ์ในแนวว่า “นี่ยังไม่ใช่จุดเปลี่ยน” และ “ยังต้องขึ้นดอกเบี้ยอีก 50bps ในอนาคต” ซึ่ง Christine ทำให้นักลงทุนเข้าใจสภาพความเป็นจริงว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะมองตลาดโลกในแง่ดีได้ 
  

สอดคล้องกับที่ Jerome Powell กล่าวในถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า ขณะนี้ตลาดอาจเปลี่ยนไปเชื่อว่าจะยังไม่เกิดจุดที่ราคาจะพลิกตัวกลับในปี 2023 และเป็นไปได้ที่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังใกล้เข้ามา 

 
พันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงผันผวน โดยพันธบัตรระยะสั้นราคาพุ่งขึ้นในวันศุกร์ ส่วนผลตอบแทนของพันธบัตรอายุสองปีที่อ่อนไหวต่อนโยบาย ทำผลงานปิดท้ายสัปดาห์ที่ต่ำกว่าเดิมเกือบ 19 bps จากจุดเริ่มต้น ส่วนดอลลาร์มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสัปดาห์นี้ 

สำหรับสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P ลดลง 2.1% นับเป็นขาลง 3 สัปดาห์ต่อเนื่องจากทั้ว 5 สัปดาห์ ดาวโจนส์ร่วง 1.7% และ Nasdaq ดิ่งลง 2.7% 

และนี่คือราคาปิดตลาดของแต่ละดัชนี 

 ราคาปิดตลาดราคาที่เปลี่ยนแปลง %ที่เปลี่ยน
Dow Jones 32,920.46.   -281.76. -0.85% 
S&P 500 3,852.36 -43.39 -1.11% 
Nasdaq Comp 10,705.41. -105.12 -0.97% 
US 10Y 3.48%   
VIX 22.62 -0.21 -0.92% 

ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว มีการประกาศว่า Goldman Sachs จะลดพนักงานมากถึง 4,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ Morgan Stanley ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะลดพนักงาน 2,000 ตำแหน่ง แพลตฟอร์ม Meta ยังคงประกาศปลดพนักงานจำนวนมาก ซึ่งน่าแปลกที่หุ้น Meta พุ่งขึ้นจากข่าวนี้ ในขณะที่ราคาหุ้นของ Goldman ร่วงลงอย่างหนัก 

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดมีปฏิกิริยาต่อข่าวร้ายแต่ละที่แตกต่างกันออกไปโดยที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ 
 
และนี่ยังนำมาซึ่งประเด็นว่าตลาดคิดอย่างไรต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยเฉพาะคำเตือนของเฟดที่จะปรับดอกเบี้ยสูงขึ้นเป็นเวลานาน 

เราได้เห็นดัชนีพุ่งขึ้นในบางครั้งโดยที่อาจไม่ได้เกี่ยวกับเฟด ประเด็นก็คือ เวลาที่จะมีประกาศว่าจะปรับดอกเบี้ยขึ้นเล็กน้อย เช่น 50bps แทนที่จะเป็น 75bps อย่างที่คาดล่วงหน้า นักลงทุนก็มักจะคิดกันไปเองว่าจุดกลับตัวกำลังจะมาและทำให้ราคาพุ่งขึ้นเล็กน้อย 

การเลือกอ่านแต่ข่าวที่ตรงกับความคาดหวังของเรา การมองสัญญาณราคาในแง่ดีมากเกินไป อาจจะน้อยลงไปบ้างหลังจากแถลงการณ์ของสัปดาห์นี้ออกมา นี่เป็นเพราะ Christine Lagarde  ได้แถลงว่า ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ ยังไม่ได้ถึงจุดที่ราคาจะกลับตัวแต่อย่างใด การแถลงการณ์ของเธอนับว่ามีพลังมากกว่าของ Powell มาก 

หากพูดกันตามตรงแล้ว ถ้อยแถลงของ Powell ก็คล้ายๆกัน แต่คำกล่าวของ Lagarde น่าเชื่อถือกว่า ซึ่งในที่สุดตลาดก็รับสารได้ตรงกับความเป็นจริง อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นในการเคลื่อนไหวของราคาในสัปดาห์ที่แล้ว 
 
คงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นนักลงทุนเข้าซื้อในช่วงขาลง เนื่องจากยังคงมีนักลงทุนที่เชื่อว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งเพียงพอ (Soft landing) ที่จะทนต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หรือเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Hard landing) อาจบังคับให้ราคามีจุดกลับตัวหรือถ้าไม่อย่างนั้นตลาดอาจมีการเทขายมากเกินไป 

ทั้งนี้ เราควรเชื่อนักลงทุนเหล่านี้โดยใช้วิจารณญาณ ซึ่งจากราคาที่เคลื่อนไหวและความคิดเห็นของธนาคารกลางเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดูเหมือนว่าคริสต์มาสนี้จะมีจุด New low มากกว่าที่ราคาดัชนีจะพุ่งขึ้น 

 
และในโอกาสใกล้วันคริสต์มาสนี้ ผมขออนุญาตยกเว้นบทวิเคราะห์ในสัปดาห์หน้้า เพื่อให้ทุกคนได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ เพื่อเฉลิมฉลองร่วมกัน 

ขอให้ทุกท่านสุขสันต์วันคริสต์มาสครับ 

อ้างอิง: CBOE, Bloomberg,  

บทความนี้เขียนโดย James Gomes   

เจมส์อยู่ในวงการการเงินมากว่า 30 ปี และล่าสุดเขาทำงานให้กับธนาคารขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ มานานกว่า 20 ปีแล้ว      

 

| เกี่ยวกับ Doo Prime   
   

เครื่องมือการซื้อขายของเรา    

หลักทรัพย์ | ฟิวเจอร์ส| ฟอเร็กซ์ | โลหะมีค่า | สินค้าโภคภัณฑ์ | ดัชนีหุ้น   

Doo Prime เป็นโบรกเกอร์ออนไลน์ระดับนานาชาติภายใต้บริษัท Doo Group ที่ให้นักลงทุนมืออาชีพได้ซื้อขายหลักทรัพย์ ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ โลหะมีค่า สินค้าโภคภัณฑ์ และดัชนีหุ้น ปัจจุบัน Doo Prime มอบประสบการณ์การซื้อขายที่ดีที่สุดให้ลูกค้ามากกว่า 90,000 คน โดยมีอัตราการซื้อขายเฉลี่ย 51,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน    

Doo Prime มีใบอนุญาตจากเซเชลส์ เมอริเชียส วานูอาตู โดยมีสำนักงานในดัลลัส ซิดนีย์ สิงคโปร์ ฮ่องกง กัวลาลัมเปอร์ และอีกหลายสำนักงานทั่วโลก    

ด้วยเทคโนโลยีการเงินที่สมบูรณ์แบบ พันธมิตรที่แข็งแกร่ง และทีมที่มีประสบการณ์ Doo Prime ให้ประสบการณ์การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้ราคาการซื้อขายที่ดี รวมไปถึงวิธีการฝาก-ถอนที่รับรอง 10 สกุลเงิน อีกทั้ง Doo Prime ยังให้การบริการลูกค้าในหลากหลายภาษาตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถทำการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์ม MT4, MT5, TradingView, และ InTrade ที่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ    

วิสัยทัศน์และภารกิจของ Doo Prime คือการเป็นองค์กรเทคโนโลยีการเงินในฐานะโบรกเกอร์ด้านการลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินระดับโลก   

   
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Doo Prime โปรดติดต่อ    

โทรศัพท์    

ยุโรป : +44 11 3733 5199   
เอเชีย : +852 3704 4241   
เอเชีย – สิงคโปร์: +65 6011 1415   
เอเชีย – จีน : +86 400 8427 539     

   
ีเมล   
ฝ่ายบริการด้านเทคนิค [email protected]   
ฝ่ายขาย [email protected]   
   

การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง   

การซื้อขายเครื่องมือทางการเงินมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากความผันผวนของมูลค่าและราคาของเครื่องมือทางการเงิน เนื่องจากความเคลื่อนไหวทางการตลาดที่ไม่พึงประสงค์และคาดการณ์ไม่ได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุนในระยะเวลาที่รวดเร็วได้ ผลการลงทุนในอดีตไม่สามารถชี้วัดความสำเร็จหรือผลกำไรในการลงทุนได้ การลงทุนด้านนี้เกี่ยวข้องกับมาร์จินและเลเวอเรจ ซึ่งการลงทุนจำนวนเล็กน้อยอาจส่งผลประทบมากได้ ดังนั้น นักลงทุนควรเตรียมรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขาย    

โปรดอ่านและทำความเข้าใจความเสี่ยงของการซื้อขายเครื่องมือทางการเงินอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะทำธุรกรรมกับ Doo Prime หากมีข้อสงสัยในการลงทุน ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ข้อมูลข้อตกลงการทำธุรกรรมและการเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง   

   
ข้อความปฏิเสธการรับผิดชอบตามกฎหมาย   

ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปแก่สาธารณะเท่านั้น ข้อมูลไม่ควรถูกตีความเป็นคำปรึกษาทางด้านการลงทุน คำแนะนำ ข้อเสนอ หรือคำเชิญชวนเพื่อซื้อหรือขายเครื่องมือทางการเงินใด ๆ ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้จัดทำขึ้นโดยโดยไม่มีการอ้างอิงหรือพิจารณาถึงจุดประสงค์การลงทุนหรือสถานะทางการเงินของผู้ใดผู้หนึ่งแต่อย่างใด การอ้างอิงถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือทางการเงินในอดีต เครื่องมือทางการดัชนี หรือผลิตภัณฑ์การลงทุนไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้สำหรับผลลัพธ์ในอนาคต Doo Prime ไม่รับรองและรับประกันข้อมูล และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียหรือความเสียหายทั้งทางตรงและทางอ้อมอันเป็นผลมาจากความไม่ถูกต้องหรือความไม่สมบูรณ์ของข้อมูล Doo Prime ไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่เป็นผลมาจากความเสี่ยงการซื้อขาย กำไร หรือขาดทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนส่วนบุคคล 

สารจาก D PrimeIconBrandElement

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

11 ปีแห่งความแข็งแกร่ง หนึ่งก้าวเหนือสิบ ก้าวไปด้วยกัน 

D Prime ฉลองครบรอบ 11 ปีแห่งการเติบโตและพัฒนา พร้อมเทคโนโลยีชาญฉลาด การขยายสู่ระดับโลก และรางวัลพิเศษเพื่อยกระดับนักเทรดทุกคน.

article-thumbnail

2025-11-18 | ข่าวสาร D Prime

D Prime ทำสถิติยอดเทรดสูงสุดในเดือนตุลาคม 2025

D Prime รายงานปริมาณการเทรดเดือนตุลาคม 2025 รวม 296.02 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 55% ต่อเดือน นำโดยทองคำและดัชนีที่เทรดคึกคัก 

article-thumbnail

2025-11-13 | วิเคราะห์ตลาดเชิงลึก

ทำไมตลาดอาจพุ่งแรง เมื่อสหรัฐฯ ยุติภาวะชัตดาวน์ 

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกแทบไม่มีแรงขับเคลื่อน ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการถูกระงับ รวมถึงรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร ที่นักลงทุนรอคอย ตอนนี้ โอกาสในการเปิดทำการของหน่วยงานรัฐอีกครั้งเพิ่มสูงขึ้น เทรดเดอร์ทั่วโลกจึงกำลังจับตา “การปล่อยข้อมูลครั้งใหญ่” ที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายชุด ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่ว ตั้งแต่ราคาทองคำไปจนถึงค่าเงินดอลลาร์ ไม่มีรายงาน NFP ไม่มีข้อมูล CPI ไม่มีแนวทางจากภาครัฐ มีเพียงความเงียบ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม “ข้อมูลรอบถัดไป” อาจกลายเป็นการประกาศที่ดังที่สุดของปีนี้  นักลงทุน “ขาจร” ในทองคำ ถูกเทขายออกจากตลาดแล้ว  มาดูกราฟจาก BofA Global Research กัน:  อมูลเผยให้เห็นว่า มีการไหลออกจากกองทุนทองคำเป็นมูลค่ารวมกว่า 59 พันล้านดอลลาร์ ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนที่ผ่านมา ในภาษาของนักเทรด ช่วงนี้คือเวลาที่ “นักลงทุนขาจร” หรือกลุ่มนักเก็งกำไรระยะสั้นที่ตื่นตระหนกทุกครั้งเมื่อราคาย่อตัว เริ่มทยอยออกจากตลาด  ในทางกลับกัน นี่มักเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนมืออาชีพเริ่มกลับเข้ามาซื้อสะสมอีกครั้ง และสิ่งที่อาจเกิดขึ้นตอนนี้คือ ราคาทองคำเริ่มทรงตัวและมีแนวโน้มขยับขึ้นอีกครั้ง เมื่อความคาดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกลับมาอยู่ในจุดสนใจของตลาด  ทำไมข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอ อาจเป็นผลดีต่อทองคำและหุ้น  มาดูกันว่าตลาดกำลังคิดอะไรอยู่:  โดยสรุปแล้ว ข่าวร้ายอาจกลายเป็น “ข่าวดี” อีกครั้งสำหรับตลาด  เมื่อไหร่ข้อมูลที่ถูกเลื่อนจะถูกเผยแพร่?  เมื่อรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ หน่วยงานกลางจะเร่งดำเนินการเพื่ออัปเดตข้อมูลที่ค้างไว้ มีข้อมูลเศรษฐกิจสะสมราว 6 สัปดาห์ ที่เตรียมจะถูกเปิดเผยออกมา  รายงานการจ้างงานเดือนกันยายน ซึ่งเดิมกำหนดเผยแพร่วันที่ 3 ตุลาคม คาดว่าจะออกมา ภายในไม่กี่วันหลังการเปิดหน่วยงานรัฐ ซึ่งจะเป็นข้อมูลแรกที่สะท้อนภาพตลาดแรงงานย้อนหลังถึงช่วงปลายฤดูร้อน  แต่ยังไม่จบแค่นั้น กระทรวงแรงงาน ยังคงล่าช้าในส่วนของข้อมูลการจ้างงานและเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคม ซึ่งหมายความว่ารายงาน NFP ถัดไปอาจเลื่อนออกไปอีกราว 2 สัปดาห์  ข้อมูลอื่นๆ เช่น อัตราว่างงานและดัชนีราคาผู้บริโภค ก็อาจล่าช้าเช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ เฟดต้องประชุมวันที่ 10 ธันวาคม โดยไม่มีข้อมูลเงินเฟ้อใหม่ในมือ  สรุปคือ เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมี “พายุข้อมูลเศรษฐกิจชุดใหญ่” ปล่อยออกมาพร้อมกัน ซึ่งอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อทั้งตลาดหุ้นและทองคำได้อย่างรุนแรง  ความกลัวสุดขีด คือสัญญาณตรงข้ามในตลาด  ตามดัชนี Fear & Greed Index ของ CNN ตลาดในตอนนี้อยู่ในโซน “Extreme Fear” โดยมีคะแนนเพียง 21 จาก 100  ในทางประวัติศาสตร์ ระดับความกลัวสุดขีดมักถูกมองว่าเป็น สัญญาณกลับตัวของตลาด เพราะมักเกิดขึ้นในช่วงที่แรงขายเริ่มหมดและนักลงทุนมืออาชีพเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสม อย่างที่ Warren Buffett เคยกล่าวไว้ว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว”  ดังนั้น เมื่อบรรยากาศในตลาดอยู่ในภาวะสิ้นหวังแบบนี้ ตัวกระตุ้นทางบวกเพียงเล็กน้อย เช่น ข้อมูลการจ้างงานที่ดีขึ้นหรือสัญญาณผ่อนคลายจากเฟด ก็อาจจุดชนวนให้เกิด แรงดีดตัวของตลาดอย่างรุนแรง ได้ทันทีหลังสิ้นสุดช่วงที่ไม่มีข้อมูลรายงาน  ตลาดขาดข้อมูลมานานเกินไปแล้ว เมื่อไม่มีข้อมูล NFP ตลาดจึงต้องพึ่งพาเพียงการคาดเดา (speculation) นักลงทุนไม่สามารถประเมินสิ่งที่วัดไม่ได้ ทำให้ความผันผวนในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกกดทับไว้ เมื่อช่วง “ความมืดของข้อมูล” สิ้นสุดลง ตลาดอาจเผชิญความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในหลายด้าน เช่น:  และเมื่อชุดข้อมูลแรงงานชุดแรกถูกเปิดเผย อัลกอริทึมเทรดอัตโนมัติอาจเป็นตัวจุดชนวนการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ ก่อนที่ตลาดจะเข้าสู่จุดสมดุลอีกครั้ง  ทำไมรอบนี้อาจแรงกว่าที่คิด  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเพียงแค่รายงาน NFP เดียวเท่านั้น แต่เกี่ยวกับ การสะสมสถานะในตลาดตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ที่กำลังจะถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกันในครั้งเดียว หากข้อมูลเศรษฐกิจของเดือนกันยายน ตุลาคม และพฤศจิกายน ถูกเปิดเผยในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่านักเทรดจะได้เผชิญกับ “ความจริงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในรอบสามเดือน” ภายในสัปดาห์เดียว  ซึ่งนี่แหละ คือคำจำกัดความของคำว่า ตัวกระตุ้นความผันผวน อย่างแท้จริง  ภาพรวมความเป็นไปได้ของตลาด  สถานการณ์  ผลลัพธ์จากรายงาน NFP  การเติบโตของการจ้างงานชะลอตัว  ยืนยันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว  การเติบโตของการจ้างงานแข็งแกร่ง  ทำให้การลดดอกเบี้ยล่าช้าออกไป  ข้อมูลผสม  ทำให้แนวโน้มการตัดสินใจของเฟดยังไม่ชัดเจน  ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใดขึ้น ปริมาณการซื้อขาย จะพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสินทรัพย์ที่ถือว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่างทองคำและเงิน อาจกลับมาเป็นประเด็นใหญ่ในตลาดอีกครั้ง  ความเงียบก่อนพายุข้อมูลถาโถม  การไหลออกของเงินจากทองคำยังคงสูงสุด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยความกลัวสุดขีด และคลื่นข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกเลื่อนกำลังจะถูกเผยออกมาในเร็วๆ นี้  กราฟสะท้อนภาพได้ชัดเจน “นักลงทุนสายท่องเที่ยว” ได้ออกจากทองไปแล้ว แต่เงินทุนใหญ่เริ่มเข้ามาจับจังหวะสำหรับการรีบาวด์ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเผชิญข้อมูลที่ล่าช้า และเฟดเตรียมพร้อมเปลี่ยนนโยบายทันทีหากเห็นสัญญาณอ่อนแรง สัญญาณพร้อมแล้วสำหรับการเบรกเอาต์ของทองคำและตลาดหุ้น เมื่อวอชิงตันกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง  ดังนั้น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อการปิดหน่วยงานสิ้นสุดลง พายุข้อมูลจะเริ่มต้น และตลาดจะไม่เงียบอีกต่อไป